กิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง ลำเลียงถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ห่างไกลชายแดนสาละวิน โดยการขนส่งทางอากาศยาน ด้วยเฮลิคอปเตอร์ ตชด. เนื่องจากถนนไปยังหมู่บ้านต้องอาศัยลำน้ำเป็นเส้นทางสัญจร ห้วงฤดูฝนน้ำป่าไหลหลากไม่สามารถเดินทางได้
วันที่ 15 ตุลาคม 2568 นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอแม่สะเรียง / ที่ปรึกษากิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง เป็นประธานปล่อยแถวขบวนลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย “ถุงยังชีพ” ซึ่งได้รับการบริจาคจากหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และพี่น้องประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ผ่านกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือแก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยในพื้นที่ โดยมีคณะกรรมการและสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง พร้อมด้วย ผอ.ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เข้าร่วม ณ บริเวณลานหน้าที่ว่าการอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยนางพิทยา พานทอง นายกกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่และคณะกรรมการกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง ดำเนินภารกิจร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ในการลำเลียง “ถุงยังชีพกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง” จำนวน 150 ชุด เพื่อนำไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ห่างไกล บ้านโกแประ บ้านปอหมื้อ และบ้านจอปร่าคี ตำบลแม่คง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

สิ่งของบริจาคช่วยเหลือทั้งหมดถูกลำเลียงออกจากที่ทำการกิ่งกาชาดอำเภอแม่สะเรียง โดยรถยนต์จำนวน 2 คัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ไปยังจุดรับ–ส่งที่กำหนด ยังลาน ฮ.เพื่อทำการขนถ่ายบรรทุกขึ้น เฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 3 ลำเลียงสิ่งของฯไปยังพื้นที่เป้าหมายทั้งสามหมู่บ้าน เพื่อส่งต่อถึงมือผู้ประสบภัยอย่างปลอดภัยและทั่วถึง ประกอบด้วย
- หมู่บ้านโกแประ หมู่ที่ 9 ต.แม่คง มี “ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านโกแประ” ภายใต้การกำกับของกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 จัดตั้งตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อให้บริการการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนในพื้นที่ชายแดนห่างไกล ปัจจุบันมีประชากร 70 ครัวเรือน 320 คน
- หมู่บ้านปอหมื้อ ต.แม่คง มี “โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านปอหมื้อ” สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ให้การศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ภูเขาและชายแดน เป็นศูนย์กลางของชุมชน มีประชากร 60 ครัวเรือน 280 คน
- หมู่บ้านจอปร่าคี (จอปราคี) ต.แม่คง มี “โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน 905 บ้านจอปร่าคี” สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ดำเนินงานภายใต้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการศึกษาในพื้นที่ห่างไกล มีประชากร 80 ครัวเรือน 350 คน
พื้นที่ทั้ง 3 หมู่บ้านตั้งอยู่ในแนวเทือกเขาสูงติดชายแดนไทย–เมียนมา มีลำน้ำห้วยสาขาไหลผ่าน เส้นทางหลักเข้า–ออกเป็นทางลูกรังลาดชันและแคบ เมื่อเกิดฝนตกหนักจะเกิดดินสไลด์น้ำป่าไหลหลาก ปิดเส้นทางตลอดแนว ทำให้การเดินทางเข้า–ออกหมู่บ้านต้องอาศัยลำน้ำเป็นเส้นทางสัญจร ซึ่งในช่วงฤดูฝนกระแสน้ำเชี่ยวและระดับน้ำสูง จนไม่สามารถเดินทางเข้าออกได้ จึงต้องอาศัยการขนส่งทางอากาศยาน โดยเฮลิคอปเตอร์ตำรวจตระเวนชายแดน

ภารกิจการขนส่งสิ่งของในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจาก หน่วยบิน กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 3 และ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 337 โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงสิ่งของขึ้นสู่พื้นที่ทุรกันดาร เพื่อให้ถึงมือผู้ประสบภัยในเวลาอันรวดเร็ว พร้อมประสานงานกับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนในแต่ละพื้นที่ให้เป็นจุดรับสิ่งของและกระจายต่อให้แก่ราษฎร ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย

















ร่วมแสดงความคิดเห็น