แบรนด์ท้องถิ่นมาแรงหลังโควิด ธุรกิจเชียงใหม่ปรับกลยุทธ์

พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังวิกฤตโควิดถือเป็นอีกหนึ่งโจทย์สำคัญของผู้ประกอบการและเจ้าของแบรนด์ ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีทั้ง อาหาร , เครื่องดื่ม , สมุนไพร , เครื่องแต่งกาย , เครื่องใช้และของประดับ จะต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของผู้บริโภค เพราะพื้นที่ในเขตภาคเหนือถือว่าเป็น พื้นที่แหล่งผลิตต้นน้ำที่สำคัญในทางธุรกิจและขับเคลื่อนธุรกิจในการพัฒนาแบรน์ รองลงมาจากภาคการท่องเที่ยว เพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ผู้ประกอบการจะต้องเข้าใจและครองใจผู้บริโภคให้ได้อย่างรวดเร็ว แต่การปรับตัวไวอย่างเดียวนั้นไม่พอต่อแรงจูงใจของผู้บริโภค สอดคล้องกับ ผลสำรวจของ Global Consumer Insights Pulse Survey ของ PwC ที่ทำการศึกษาวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค 25 ประเทศและอาณาเขต รวมทั้งประเทศไทยด้วย จำนวน 9,000 ราย มีข้อมูลที่น่าสนใจต่อการพัฒนาแบรนด์และธุรกิจท้องถิ่น ดังนี้

1. ความนิยมแบรนด์ท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น

‘กระแสท้องถิ่นนิยม’ (Localisation) หรือ ‘การหันมาพึ่งพาผลผลิตภายในภูมิภาค หรือผลผลิตภายในประเทศ’ ผู้บริโภคหันกลับมาซื้อหาสินค้าและบริการจากแบรนด์ท้องถิ่นได้รับความนิยมในวงกว้างและมากขึ้น

ผลสำรวจพบว่า 8 ใน 10 ของผู้บริโภคชาวไทย ยอมที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อซื้อสินค้าที่ผลิตภายในท้องถิ่น หรือภายในประเทศ อย่างเช่น อาหาร , เครื่องดื่ม , สมุนไพร , เครื่องแต่งกาย , เครื่องใช้และของประดับ โดยมองว่า รูปแบบผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น(Product Design) และคุณภาพของตัวสินค้ามีมาตรฐานสูงขึ้น ไม่แตกต่างจากสินค้าจากต่างประเทศ และระยะเวลาในการจัดส่งรวดเร็วกว่า ถึง 42% และ ผู้ชื้อยอมจ่ายแพงขึ้น เพราะมองว่า เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ถึง 60% และลดความเสี่ยงในการพึ่งพาสินค้า วัตถุดิบ และแรงงาน จากต่างประเทศ ที่มีมากเกินไป

การที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจกับสินค้าท้องถิ่นถือว่าเป็นโอกาสอย่างดีที่ ผู้ผลิตในจังหวัดเชียงใหม่ จะทำการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และเพิ่มช่องทางการสื่อสารและให้ข้อมูล จะทำให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อผู้คนภายในท้องถิ่นเพิ่มโอกาสในการจ้างงานในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

  2. พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

ผู้บริโภคชาวไทย เปลี่ยนพฤติกรรมจากการซื้อแบบเดิม ๆ ไปสู่ตลาดสินค้าออนไลน์มากขึ้น ถึง 50% ในขณะที่ 24% เปลี่ยนไปซื้อสินค้าจากร้านค้าปลีกรายใหม่ๆ ที่ผู้ชื้อไม่ได้เป็นลูกค้าขาประจำ เพื่อให้ได้สินค้าที่ตัวเอง ต้องการ ผู้บริโภคมากกว่า 80% มีการซื้อสินค้าจากอย่างน้อย 3 ช่องทางในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เช่น ใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบสินค้าที่ต้องการก่อนชื้อ 47% และ 30% ซื้อสินค้าจากหลายๆ แหล่งเพื่อให้ได้ของที่ต้องการ

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ผู้บริโภคไม่ยึดติดกับการจับจ่ายสินค้ากับร้านค้า หรือช่องทางเดิม ๆ อีกต่อไป แต่เลือกในสิ่งที่สะดวกและการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว ท่ามกลางตัวเลือกที่มีมากขึ้นผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดลูกค้ารายใหม่ๆ รวมถึงต้องทำให้ลูกค้าประจำยังคงกลับมาซื้อหรือใช้บริการในครั้งต่อๆ ไปด้วย ฉะนั้นการทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (Omni-Channel Experiences) เช่น ลูกค้าที่อยากได้ของในทันทีสามารถเลือกซื้อสินค้าออนไลน์ แล้วมารับสินค้าจากสาขาหรือศูนย์บริการที่ใกล้บ้านได้

 3. ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนเพื่อครองใจผู้บริโภค

ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากขึ้น ผู้บริโภค มีการพิจารณาว่า ธุรกิจนั้นๆ มีธรรมาภิบาลที่ดีหรือไม่ ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือรับบริการ 44% ตามมาด้วยปัจจัยด้านสังคม เช่น การสนับสนุนสิทธิมนุษยชน ถึง 42% และ 30% จากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การลดปริมาณขยะ

ผู้บริโภคต่างคาดหวังว่าองค์กรจะให้ความสำคัญต่อความต้องการของสังคมและสิ่งแวดล้อมและเป็นผู้นำดังนั้นธุรกิจที่แสดงออกถึงความรับผิดชอบและความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) ต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค มากกว่าธุรกิจที่มุ่งเน้นแต่การทำยอดขาย หรือกำไรเพียงอย่างเดียว

กระแสความยั่งยืนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราวอีกต่อไป เมื่อไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปมองโลกด้วยมุมมองใหม่ๆ การคำนึงถึงความต้องการลูกค้าจะช่วยให้องค์กรสามารถเติบโตและแข่งขัน ผู้นำธุรกิจ ในเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวอย่าง เชียงใหม่ จะต้องปรับองค์กรให้มีความยืดหยุ่น เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และจะต้องสลัดแนวคิดเดิม ๆ หันมาเน้นการสร้างคุณค่าเชิงบวกให้กับสังคม และผู้บริโภคในระยะยาว  และเปลี่ยนมุมมองที่ว่าความสำเร็จ คือ การสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจให้ได้มากที่สุด ได้แล้วไม่เช่นนั้น ธุรกิจของท่าน อาจต้องจากลาไปก่อนเวลาอันควร

เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ

ร่วมแสดงความคิดเห็น