นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ได้โพสต์ข้อความล่าสุดวันนี้ว่า กราบเรียนพี่น้องประชาชนที่เคารพรักตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมได้อธิบายมาโดยตลอดทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายถึงสาเหตุที่ผมไม่สามารถอนุมัติจ่ายเงินให้แก่ผู้
ชนะการประมูลในการจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางฯ ของ อบจ.สงขลา ได้ เนื่องจากตรวจพบว่าผู้เข้าร่วมการประมูลและบริษัทคู่เทียบ
ได้ทำการปลอมเอกสารและฮั้วประมูล เป็นเหตุให้ อบจ.สงขลา ได้รับความเสียหาย
บัดนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ก็ได้ออกหมายจับผู้เข้าร่วมประมูลทุกรายซึ่งรวมถึงผู้ชนะ
การประมูลและบริษัทในเครือ อีกทั้งผู้ต้องหาส่วนใหญ่ก็ได้เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศเกือบทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้ต้องหาที่ถูกจับ
ได้ขณะหลบหนี นั้น อัยการได้ส่งฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 แล้ว
วันนี้ผมพร้อมที่จะสู้คดีในศาลเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าการที่ผมไม่อนุมัติจ่ายเงินให้บริษัทที่ชนะการประมูลนั้น เป็น
การรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน มิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหาผมแต่อย่างใด และ
หากแม้จะย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็ยังยืนยันที่จะไม่อนุมัติจ่ายเงินภาษีของประชาชนให้กับพวกทำผิดกฎหมายเช่นเดิม
บัดนี้ คดีได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรมแล้ว ผมไม่มีความประสงค์จะใช้ตำแหน่งรัฐมนตรี และ
เวลาราชการเพื่อต่อสู้คดีแต่อย่างใด ดังนั้นผมจึงได้ทำหนังสือกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีขอลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่า
การกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 เป็นต้นไป
ขอกราบขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้กำลังใจและคำแนะนำรวมถึงสื่อมวลชนทุกสำนักที่ได้นำเสนอข่าวอย่างเป็นธรรม
และต่อเนื่องตลอดมา และขอขอบคุณข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ร่วมงานทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันทำงานและผลักดันนโยบายที่เป็น
ประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี ครับ ลงชื่อ นาย นิพนธ์ บุญญามณี5 กันยายน 2565
ทั้งคดีการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งของนายนิพนธ์ นั้นสืบเนื่องมาจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความ
ผิดนายนิพนธ์ บุญญามณี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา กรณีไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินแก่บริษัท พลวิศว์ฯ เป็นค่ารถซ่อม
บำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน วงเงิน 50,850,000 บาท
และต่อมา นายนิพนธ์ ชี้แจงผ่านสื่อมาโดยตลอดว่า กรณีนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องทุจริต แต่มีการร้องเรียนว่าการจัดซื้อ
รถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ 2 คัน 50.8 ล้านบาทนั้น มีการฮั้วประมูล มีการปลอมลายมือชื่อ และได้เห็นหลักฐานทุกอย่าง ดังนั้น
เพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน จึงยังไม่ได้มีการอนุมัติเบิกจ่าย จนถึงขณะนี้เท่าที่ทราบ อบจ.สงขลา ยังไม่ได้มีการเบิกจ่ายเงิน
ให้แก่เอกชนรายดังกล่าวเลย แล้วอย่างนี้จะทำให้ อบจ.สงขลา เสียหายได้อย่างไร
สำหรับการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการฮั้วจัดซื้อรถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์นั้น การจัดซื้อรถคัน
ดังกล่าว เกิดขึ้นในยุคก่อนที่จะเข้ามาเป็นนายก อบจ.สงขลา เมื่อตนมาเป็น ถึงขั้นตอนการจ่ายเงินกันแล้ว ยืนยันเลยว่าเรื่องนี้ไม่มี
การทุจริต ยังไม่มีการจ่ายเงินให้แก่เอกชน แต่มีการร้องเรียนเรื่องฮั้วประมูล
อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า กรณีการฮั๊วประมูลนั้น หน่วยงานภาครัฐฯได้ขานรับนโยบายของรัฐฐาลที่กำหนด
ให้ วาระการปราบปรามการทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ และต่อมา กระทรวงยุติธรรม กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วย
งานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แถลงนโยบายปี 2565 จะเน้นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมคดีพิเศษใน 7
คดีหลัก และหนึ่งในนั้นคือการฮั้วประมูลการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหมายให้กองคดีความผิดเกี่ยวกับการ
เสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ เร่งรัดการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือที่
เรียกว่า การฮั้วประมูล
โดยมุ่งหวังที่จะทำให้การจัดหาสินค้าหรือบริการของหน่วยงานของรัฐทุกแห่งที่ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินเป็นไป
อย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมและมีการแข่งขันกันอย่างเสรีเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่รัฐ ผลการดำเนินงานพบว่า ดีเอสไอได้อนุมัติให้
ทำการสอบสวนกรณีโครงการจัดซื้อชุดซ่อมถนนลาดยางขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ 2 โครงการ ที่มีพฤติการณ์ใน
การตกลงร่วมกันสมยอมในการสู้ราคา มูลค่าความเสียหายกว่า 124,000,000 บาท เป็นคดีพิเศษ เป็นต้น
ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ สามารถแจ้งมายัง
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ที่128 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้องเขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร หรือสายด่วน1202 (โทร.ฟรี ทั่ว
ประเทศ) โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเก็บรักษาข้อมูล ผู้แจ้งเบาะแสไว้เป็นความลับ
สำหรับคดีของ อบจ.เชียงใหม่นั้น จาการตรวจสอบพบว่า โครงการดังกล่าว เมื่อ 29 เม.ย.2560 อบจ
.เชียงใหม่ ออกประกวดราคาซื้อชุดซ่อมถนนลาดยางจำนวน 1 ชุด ครั้งที่ 2 ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดราคากลาง
64,500,000 บาท ข้อมูลการเสนอราคาพบว่าเอกชนรายหนึ่ง เสนอราคา 64,275,000 บาท และอีกบริษัท เสนอราคา
64,285,000 บาท (ราคาห่างกัน 10,000 บาท) เท่านั้น จนนำไปสู่การติดตามตรวจสอบเป็นคดีพิเศษ เกี่ยวกับการฮั้วใน อบจ.ในขณะนี้



ร่วมแสดงความคิดเห็น