สำหรับราคาทองคำในวันอังคารที่ 6 กันยายน 65 ยังปิดตลาดอ่อนตัวลงหรือปรับฐานลงโดยราคาร่วงลงประมาณ 8.8 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน ปิดตลาดไปที่บริเวณ 1,700 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน ซึ่งระหว่างวันราคามีการหลุดบริเวณ 1,700 เหรียญดอลลาร์ ต่อเทรดออนมาเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,700 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน ได้
ในช่วงเช้าของวันพุธ 7 กันยายน 65 ทองคำยังมี ลักษณะของการปรับตัวและก็มีการอ่อนตัวลงต่อเนื่องโดยระดับต่ำสุดในช่วงเช้าวันพุธราคาร่วงลงไปที่บริเวณ 1,692 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน และราคายังคงเคลื่อนไหวในแดนลบต่ำกว่าบริเวณ 1,700 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน
ทั้งนี้ทองคำยังคงถูกกดดันจากทิศทางดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงมีทิศทางแข็งค่าขึ้นทำระดับสูงสุดครั้งใหม่รอบกว่า 20 ปี หลังจากมีการเปิดเผยดัชนี พีเอ็มไอ(PMI) ภาคการบริการให้ฝั่งสหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคม ที่มีสัญญาณของการเติบโตหรือมีสัญญาณของความแข็งแกร่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ตัวเลขภาคการบริการในฝั่งสหรัฐฯ ที่มีทิศทางสดใสเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่กลับเข้ามากดดันทองคำให้ปรับฐานและมีการอ่อนตัวลงและกลับไปหนุนให้ดอลลาร์สหรัฐมีทิศทางแข็งค่าขึ้น
เนื่องจากนักลงทุนประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในฝั่งสหรัฐที่แข็งแกร่งมากพอจะซัพพอร์ตหรือสนับสนุนให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ในระดับ 75 bps ในการประชุมของเดือนกันยายน นี้

แต่อย่างไรก็ตามทิศทางดอลลาร์ที่มีการแข็งค่าขึ้นมาก ถ้าเราเทียบสัดส่วนการอ่อนตัวหรือการย่อตัวลงของราคาทองคำ พบว่าราคาทองคำมีลักษณะหรือมีรูปแบบของการอ่อนตัวในระดับที่ค่อนข้างจำกัด ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนเริ่มมองทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและก็มีการปรับเข้ามาถือครองทองคำเพิ่มมากขึ้นหลังจากเริ่มมีความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่มีสัญญาณของการชะลอตัว
ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ภาวะเศรษฐกิจในหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบจากทิศทางดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นและทำให้สกุลเงินของประเทศต่างๆ มีสัญญาณของการอ่อนค่าหรือมีการร่วงลงจนทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆ มีสัญญาณของภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น
ทั้งนี้หลายประเทศเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อเนื่องจากสกุลเงินมีการอ่อนค่า ขึ้นมาค่อนข้างมากจนต้องทำให้นำเข้าสินค้าและบริการที่จะต้องมีการจ่ายเงินหรือราคาสินค้าและบริการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วยสัญญาณดังกล่าวทำให้มีความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศต่างๆ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของหนี้สาธารณะของภาครัฐบาลก็มีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากรัฐบาลในหลายประเทศมีความจำเป็นที่จะต้องมีการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้มีการเร่งตัวหรือมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ความเสี่ยงในลักษณะดังกล่าวทำให้หลายประเทศเผชิญกับภาวะความเสี่ยงที่อาจจะไม่สามารถชำระในส่วนของอัตราดอกเบี้ยในตัวพันธบัตรรัฐบาลได้และอาจจะเกิดการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มมากขึ้น
ความเสี่ยงในลักษณะดังกล่าวทำให้เกิดภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและก็เกิดความเสี่ยง ที่จะสร้างความผันผวนให้ตลาดเงินตลาดทุน ความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะชะลอตัวลง ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุนแล้วก็แรงกระตุ้นจนมีการปรับฐานแล้วก็มีการอ่อนตัวลงมาในระดับที่ค่อนข้างจำกัด
ประกอบกับราคาทองคำที่อยู่ต่ำกว่าระดับ1,700 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน ซึ่งถือว่าระดับดังกล่าวใกล้กับระดับต่ำสุดของปีนี้และปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายครั้งที่ราคาอ่อนตัวลงมามักจะเกิดจังหวะของการเด้งและการบีบตัวกลับ เมื่อราคามีการพักขาหรือมีการอ่อนตัวเข้าใกล้โซนดังกล่าว
ปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ทำให้ราคาทองคำยังพยายามทรงตัวรักษาระดับเอาไว้เมื่อมีการอ่อนตัวหรือมีการปรับฐานลงมาเช่นกัน
สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตามองในช่วงปลายสัปดาห์นี้ จะมีการออกมาแสดงความเห็นหรือการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในสาขาต่างๆ รวมทั้งประธานเฟด นาย เจอโรม โพเวลล์ อาจจะต้องจับตาดูความเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ รวมทั้งประธานเฟด ว่าจะมีความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มมีสัญญาณของการชะลอตัวและมีความเสี่ยงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหรือไม่
เพราะว่าหากเฟดจะยังคงเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ค่อนข้างสูงจะทำให้ภาวะโดยรวมของเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น ถ้าเจ้าหน้าที่เฟด รวมทั้งประธานเฟด มีความกังวลต่อประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน เรามองว่าเฟด อาจจะชะลอในส่วนของการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือการขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทิศทางที่เร่งตัวมากยิ่งขึ้น สัญญาณดังกล่าวอาจจะกลับมาเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่กลับมาสนับสนุนหรือพยุงในส่วนของตัวราคาทองคำให้มีโอกาสรีบาวด์หรือมีการฟื้นตัวขึ้นได้
นอกจากนี้ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมของธนาคารกลางยุโรปหรือว่า อีซีบี (BEC) อยากแนะนำให้นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรปหลังจากสกุลเงินยูโร มีการปรับฐานและมีการร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 20 ปี
แนวโน้มการร่วงลง ของสกุลเงินยูโร สะท้อนให้เห็นถึงความวิตกกังวลต่อการผิดนัดชำระหนี้ในบางประเทศ อย่างเช่น อิตาลี และ กรีก ที่มีหนี้สาธารณะในระดับสูง ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปมีการคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงถึงระดับ 75 bps ในการประชุมของวันพฤหัสบดีนี้
แนวโน้มดังกล่าวจะทำให้ภาวะโดยรวมของเศรษฐกิจในฝั่งยุโรป เผชิญกับความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นอาจจะต้องจับตาดูว่าธนาคารกลางยุโรปจะมีการออกมาตรการทางการเงิน ในการกลับเข้ามาประคับประคองหรือพยุงภาวะเศรษฐกิจโดยรวมให้สามารถคลี่คลายต่อภาวะอัตราดอกเบี้ยที่เร่งตัวขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้หรือไม่
นอกจากนี้อาจจะต้องจับตาดูตัวมาตรการ ทีพีไอ(TPI) ซึ่งธนาคารกลางยุโรปประกาศใช้ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาว่าจะสามารถสกัดกั้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของกลุ่มประเทศในฝั่งยูโรโซนได้มีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าตัวมาตรการ ทีพีไอ ซึ่งเป็นมาตรการทางการเงินเข้ามาสกัดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป ไม่ขยับแล้วก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ธนาคารกลางยุโรปประกาศขึ้น
เรามองว่าความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและความยูโรโซนอาจมีความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวขึ้นแล้วก็อาจจะกลับมาหนุนให้สกุลเงินยูโรมีสัญญาณของการแข็งค่าหรือมีการปรับตัวขึ้นได้เช่นกันปัจจัยดังกล่าวอาจจะกลับเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัย ที่กลับเข้ามาสนับสนุนหรือประคับประคองให้สกุลเงินยูโรดีดตัวขึ้นแล้วก็จะหนุนให้ราคาทองคำขยับแล้วก็ปรับตัวขึ้นตาม

กลยุทธ์การลงทุน
เนื่องจากยังมีปัจจัยกลับเข้ามากดดันในส่วนของตัวราคาทองคำแต่ตลาดทองคำซึมซับและรับปัจจัยลบไปแล้วในระดับหนึ่งขณะที่ยังมีความหวังว่าอาจมีปัจจัยบวกกลับเข้ามาสนับสนุน หรือกลับเข้ามาประคับประคองราคาทองคำเอาไว้
ดังนั้นให้จับตาการอ่อนตัวหรือการย่อตัวลงมาของราคาทองคำตามแนวรับสำคัญต่างๆ ซึ่งเป็นจุดที่ทองคำอ่อนตัวลงมาแล้วเกิดการรีบาวด์หรือการเด้งกลับ
แนวรับแรกให้บริเวณ 1,688 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน คิดเป็นเงินบาทประมาณ 29,400 บาทต่อบาททองคำ
แนวรับสำคัญเน้น 1,676 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน คิดเป็นเงินบาทก็คือ 29,200 บาทต่อบาททองคำ 1,688 เป็นโลของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1,676 เป็นโลหรือเป็นระดับต่ำสุดของปีที่ผ่านมา
ซึ่งหลายครั้งเมื่อราคาทองคำอ่อนหรือย่อตัวลงมาชนแนวรับระดับดังกล่าวมักจะเกิดการรีบาวด์ฟื้นตัวขึ้น
แนะนำนักลงทุนที่ยังไม่มีทองคำเข้าเสี่ยงซื้อหรือเปิดรองในฝั่งตลาดทีเฟ็กซ์เพื่อหวังทำกำไรจาก การเด้งหรือการดีดตัวกลับของตัวราคาทองคำในช่วงสั้น
โดยให้ตัดขาดทุนถ้าราคาทองคำมีระดับต่ำสุดของปีที่ผ่านมาหรือแนวรับบริเวณ 1,676 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน ในระยะสั้นค่ารับความเสี่ยงได้น้อยหรือดอลลาร์ยังมีทิศทางหรือโมเมนตัมที่แข็งค่าต่อ อาจจะแบ่งทองคำออกขายตามแนวต้านต่างๆ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงแล้วก็กลับเข้ามาซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัวหรือย่อตัวลงเพื่อเป็นการเล่นรอบ

สำหรับแนวต้านแรกให้บริเวณ 1,709 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน คิดเป็นเงินบาท 29,750 บาทต่อบาททองคำ แนวต้านสำคัญบริเวณ 1,726 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน อยู่ที่ระดับ 30,050 บาทต่อบาททองคำ
ถ้าทองคำขยับและปรับตัวขึ้นยังไม่สามารถเบรกเอ้าท์หรือผ่านต้านสำคัญบริเวณ 1,726 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน ขึ้นไปได้ ซึ่งเป็นกรอบหรือชาแนลของเทรนด์ปรับฐานหรือการอ่อนตัวลงในช่วงสั้นของทองคำ ทองคำอาจมีแรงขายสลับปรับลงมาให้ได้เข้าซื้อกันหรือเล่นรอบกันอีกครั้ง
แต่ถ้าราคาทองคำสามารถผ่านหรือยืนอยู่เหนือระดับดังกล่าวได้เรามองว่าโมเมนตัมเชิงลบของทองจะหมดไป ราคาทองคำมีโอกาสค่อยๆ ไต่ระดับหรือปรับตัวขึ้นได้ต่อ
ดังนั้นก็ต้องลุ้นว่าทองที่รีบาวด์หรือดีดตัวขึ้นมาจะผ่านบริเวณ 1,726 เหรียญดอลลาร์ต่อเทรดออน ได้หรือไม่
เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ

ร่วมแสดงความคิดเห็น