3 ธันวาคม 2565 เวลา 05:00 น. นายวรศักดิ์ พานทอง นายอำเภอกัลยาณิวัฒนา ผู้บังคับกองร้อย อส.อ.กัลยาณิวัฒนา สั่งการให้ นายปณิธาน แก้วติ๊ป ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน(อส.) กองร้อย อส.อ.กัลยาณิวัฒนา สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ภ.5 นำโดย พ.ต.อ.ไพโรจน์ ทองขาว เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ นำโดย พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา ผกก.สืบสวนฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กัลยาณิวัฒนา นำโดยพ.ต.ท.พิเชษฐ์ กลีบทอง รรท.ผกก.สภ.กัลยาณิวัฒนา รวมกำลังมากกว่า 100 นาย เข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีสำคัญ ตามหมายศาล จำนวน 13 ราย ในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ตำบลแม่แดด อำเภอกัลยาณิวัฒนา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหา 1 ราย และติดต่อขอมอบตัวผ่านผู้นำท้องที่ เพื่อนำมามอบตัวให้กับพนักงานสอบสวน 2 ราย ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลือไม่พบตัว เนื่องจากได้หลบหนีออกจากพื้นที่ก่อนหน้านี้ หรือไม่อยู่บ้านตามบ้านเลขที่ที่ระบุ โดยเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาในส่วนที่เหลือต่อไป
การปฎิบัติดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องมีผู้ปกครองเด็กนักเรียนในพื้นที่แจ้งความบุตรสาวถูกล่อลวงค้าประเวณี เมื่อ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ตามที่สื่อมวลชนได้เสนอข่าวแล้ว ต่อมาพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์หักพาล รอง ผบ.ตร.ได้ส่งทีมสอบสวนกลางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด ตลอดจนสืบสวนว่าเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ หรือมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ ผลการสอบสวนปัจจุบันปรากฏผู้เสียหายเป็นเด็ก จำนวน 5 ราย พนักงานสอบสวน แจ้งข้อหาผู้กระทำความผิดและผู้เกี่ยวข้องในฐานความผิดต่างๆแล้วจำนวน 4 ราย พรากเด็กอายุยังไม่ถึง 15 ปีฯ ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปีและปรับตั้งแต่ 60,000 บาทถึง 300,000 บาท ข้อหากระทำชำเราเด็ก อายุยังไม่เกิน 15 ปี มีโทษจำคุก5-20 ปีและปรับตั้งแต่ 100,000 บาทถึง 400,000 บาท นอกจากนี้ยังคงมีผู้ต้องหาอีกหลายรายที่เป็นคนในพื้นที่ ที่ถูกซัดทอดจากผู้เสียหาย พนักงานสอบสวนได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมออกหมายเรียก จำนวน 7 คน ออกหมายจับ จำนวน 13 คน
ทั้งนี้ได้รับการเปิดเผยจากพนักงานสอบสวนยังไม่พบว่ามีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐตกเป็นผู้ต้องหาหรือเกี่ยวข้องตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด แต่หากผู้เสียหายให้การซัดทอดหรือมีพยานหลักฐานชัดเจนพนักงานสอบสวนและผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้เกี่ยวข้องทุกรายอย่างเด็ดขาดต่อไป
ร่วมแสดงความคิดเห็น