หนุ่มเบญจเพสหึงโหด มีดแทงเพื่อนบ้านสาหัส

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 เวลา 19.15 น. พ.ต.ท.ฉัตรชัย สุทธิแสน พงส.สภ.เชียงกลาง จ.น่าน ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุน่านนคร 191 ตำรวจ ภ.จ.น่าน แจ้งว่า มีเหตุคนใช้อาวุธมีดทำร้ายกันเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 68 บ้านป่ารวก หมู่ 6 ต.พระธาตุ อ.เชียงกลาง จ.น่าน จึงได้รายงาน พ.ต.อ.สิทธิโชค ลือโลก ผกก.สภ.
เชียงกลาง, พ.ต.ท.สุระพล เทพเสน รองผกก.สส.ฯ, พ.ต.ท.วาณัฐพงศ์ สันติพงศธร สว.สส.ฯ , ร.ต.อ.วันไชย เตชนันท์ รอง สวป.ฯ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง รุดไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 68 เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุทราบว่าผู้บาดเจ็บ ได้มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยของ ต.พระธาตุ ได้นำตัวส่งรพ.เชียงกลางแล้ว ชื่อนายกิตติพงษ์ อุ่นเรือน อายุประมาณ 30 ปี เจ้าของบ้าน และจากการสอบถามผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่ทราบเหตุการณ์ได้แจ้งว่า ผู้ก่อเหตุที่ใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้บาดเจ็บคือนายเวคิน หรือโอ๊ด เขื่อนวงค์ อายุ 25 ปี ซึ่งหลังจากได้ก่อเหตุดังกล่าวแล้ว ได้กลับไปอยู่ที่บ้านของตนเองที่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 6 ต.พระธาตุ อ.เชียงกลาง จ.น่าน จึงได้เดินทางไปที่บ้านเลขที่ดังกล่าว ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เมื่อไปถึงได้พบกับนายเวคินหรือโอ๊ด เขื่อนวงค์ ยืนอยู่หน้าบ้านดังกล่าว

จากการสอบถามนายเวคินหรือโอ๊ดฯ ในเบื้องต้น ได้ยอมรับว่าตนเองได้ใช้อาวุธมีดแทงนายกิตติพงษ์ฯ เข้าที่บริเวณลิ้นปี่เหนือช่วงท้อง ของผู้บาดเจ็บจริง สาเหตุเนื่องจากตนเองได้มีปัญหากับผู้บาดเจ็บกรณีที่ผู้บาดเจ็บมายุ่งเกี่ยวกับภรรยาของตนเอง ซึ่งตนเองได้เคยเตือนผู้บาดเจ็บมาหลายครั้งแล้ว แต่ผู้บาดเจ็บไม่ยอมเลิกราจึงทำให้ตนเองโกรธแค้น จึงได้ทำการก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ส่วนอาวุธที่ใช้ก่อเหตุเป็นอาวุธมีด ยาวประมาณ 30 ซม.รวมด้าม ที่ใช้ในการก่อเหตุนั้น ตนเองได้นำไปโยนทิ้งที่บริเวณป่าท้ายหมู่บ้านที่เกิดเหตุ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการควบคุมตัว พร้อมกับได้แจ้งข้อกล่าวหาให้กับนายเวคินหรือโอ๊ค เขื่อนวงค์ ว่า “พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ” นายเวคินหรือโอ๊ค เขื่อนวงค์ ยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จึงทำการควบคุมตัวนายเวคินฯ นำส่ง พ.ต.ท.ฉัตรชัย สุทธิแสน พงส.สภ.เชียงกลาง จ.น่าน ขณะที่กำลังสอบปากคำนั้น ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลเชียงกลางว่า ได้นำตัวนายกิตติพงษ์ฯ ส่งเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาลน่าน เนื่องจากอาการสาหัสเลือดตกอยู่ในช่วงท้อง จึงได้ควบคุมตัวนายเวคินฯ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น