ออมเงินแค่ไหน ถึงจะสบายในวัยเกษียณ

ข่าวปรับเกณฑ์แจก “เบี้ยผู้สูงอายุ” สร้างความตกใจให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง และทำให้หลายคน ที่แม้จะอยู่ในช่วงวัยรุ่น หรือ วัยทำงาน เริ่มมีความคิดที่จะออมเงินเพื่อใช้จ่ายในวัยเกษียณแล้ว

แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า จะต้องออมเงินยังไง และต้องออมมากแค่ไหน เพื่อที่สามารถใช้ชีวิตในวัยชรา ซึ่งวันนี้ Chiang Mai Move จะมาเล่าให้ฟัง

ข้อมูลจาก Supalai เปิดเผยว่า หากเราต้องการจะเกษียณในวัย 60  ปี และคาดว่าจะมีอายุยาวไปจนถึงอายุ 80 ปี เราจะต้องออมเงินให้ได้ก่อนเกษียณดังนี้

เงินเก็บ 3,600,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายต่อเดือน 15,000 บาท ซึ่งอยู่ในระดับที่พออยู่ได้ ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล3,500 บาท ค่าอาหาร 5,000 บาท ค่าสาธารณูปโภค 1,500 บาท ค่าของใช้ส่วนตัว 1,000 บาท ค่ากิจกรรมต่างๆ1,000 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับท่องเที่ยว 3,000 บาท

เงินเก็บ 7,200,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายต่อเดือน 30,000 บาท ซึ่งอยู่ในระดับที่อยู่สบาย ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล5,000 บาท ค่าอาหาร 10,000 บาท ค่าสาธารณูปโภค 3,000 บาท ค่าของใช้ส่วนตัว 3,500 บาท ค่ากิจกรรมต่างๆ3,500 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับท่องเที่ยว 5,000 บาท

เงินเก็บ 14,400,000 บาท สำหรับค่าใช้จ่ายต่อเดือน 60,000 บาท ซึ่งอยู่ในระดับที่หรูรา ได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล8,000 บาท ค่าอาหาร 12,000 บาท ค่าสาธารณูปโภค 4,000 บาท ค่าของใช้ส่วนตัว 5,000 บาท ค่ากิจกรรมต่างๆ6,000 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับท่องเที่ยว 10,000 บาท ค่าจ้างคนดูแล 15,000 บาท

เมื่อทราบข้อมูลแล้ว เราก็เตรียมเลือกแผนการออมเงินในวัยเกษียณ  ซึ่งการออมเงินมีหลายประเภทให้เราเลือก อาทิการออมหุ้น ออมการลงทุน เปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคาร ประกันบำนาญ หรือออมเงินผ่านกองทุนวัยเกษียณต่าง ๆ 

โดยสำหรับกองทุนวัยเกษียณ มีดังนี้

กองทุนประกันสังคมเพื่อชราภาพ เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนประกันสังคม ที่ให้ความคุ้มครอง 7 กรณีดังนี้คือ

  1. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย   
  2. ทุพพลภาพ   
  3. เสียชีวิต  
  4. กรณีคลอดบุตร  
  5. สงเคราะห์บุตร   
  6. ชราภาพ  
  7. ว่างงาน (มีผลตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2547)

สำหรับเงินบำเหน็จชราภาพ ผู้ประกันตนที่ส่งเงินเข้ากองทุนน้อยกว่า 180 เดือนจะได้รับเงินก้อนครั้งเดียวเมื่ออายุครบ55 ปี ส่วนผู้ที่ส่งเงินเข้ากองทุนไม่น้อยกว่า 180 เดือน จะได้รับเงินบำนาญรายเดือนตลอดชีพ  ซึ่งหากผู้รับบำนาญเสียชีวิตภายใน 60 นับจากเดือนที่ได้รับสิทธิ์ จะได้รับบำนาญชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินรายเดือนที่/ด้รับเดือนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต โดยการออมแบบนี้จะเหมาะกับพนักงานเอกชน

นอกจากนี้ยังมี กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ล้ายกับกองทุนชราภาพจากประกันสังคม และการันตีเงินบำนาญให้สมาชิกเมื่อออมได้ตามเงื่อนไข โดยเฉพาะคนที่มีอายุ 15-60 ปี เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือแรงงานนอกระบบ (ฟรีแลนซ์) การออมเงินกับ กอช. ถือว่าตอบโจทย์มากที่สุด เพราะสมาชิกสามารถเลือกออมได้โดยสมัครใจ เมื่อครบอายุ60 ปี ก็จะจ่ายเงินแบบบำนาญรายเดือนเท่านั้น ที่สำคัญเรามีสิทธิได้รับเงินสมทบจากภาครัฐบาลตามขั้นอายุ ยิ่งอายุมากรัฐก็จะช่วยสมทบให้มากขึ้นสูงสุด 80% ไม่เกิน 960 บาทต่อปี 

และสุดท้าย กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือ กบข. เป็นการออมเกษียณภาคบังคับสำหรับข้าราชการในประเทศไทยโดยสมาชิกต้องสะสมเงินอย่างน้อย 3% ของเงินเดือนและสามารถสะสมเพิ่มได้อีกสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินเดือน และรัฐบาลจะให้เพิ่มอัตรา 3%  

เมื่อเราทราบถึงแผนการออม และเป้าหมายเงินที่เราต้องสะสมสำหรับการใช้จ่ายในวัยเกษียณแล้ว ก็เตรียมออมเงินพร้อมถึงปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย และรักษาวินัยทางการเงิน เพื่อที่จะสามารถบรรลุเป้าหมาย ในการออมทรัพย์เพื่อการใ้ชจ่ายในวัยชราได้

ที่มา : Info Portal , Thairath Money

ร่วมแสดงความคิดเห็น