แม้เศรษฐกิจภาคเหนือเริ่มฟื้นตัว การเมืองเริ่มนิ่ง แต่วงการอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ กลับต้องเผชิญความท้าทายใหม่ หลังพิษหนี้ครัวเรือน ทำให้กำลังซื้อของลูกค้าลดลง ขณะที่ต้นทุนก่อสร้างกลับเพิ่มขึ้น ยิ่งซ้ำเติมธุรกิจบ้านและคอนโดมากกว่าเดิม ส่งผลให้ผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่างดิ้นรน เพื่อให้สามารถไปต่อได้
.
สรนันท์ เศรษฐี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นอร์ทเทิร์น เรียลเอสเตท จำกัด กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจภาคเหนือจะกลับมาดีขึ้น แต่สถานการณ์การเมือง ปัญหาหนี้ครัวเรือน ราคาวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุนต่างชาติ ที่จะเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่
.
นอกจากนี้ หลังจากที่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ คุมเข้มการนำเงินออกนอกประเทศ ยังกระทบต่อการท่องเที่ยว และการซื้ออสังหาฯในเชียงใหม่ ประกอบกับ พื้นที่กรุงเทพฯและภูเก็ต มีความน่าดึงดูดนักลงทุนมากกว่า จากความคึกคักทางเศรษฐกิจในพื้นที่ดังกล่าว ส่งผลให้ลูกค้าชาวจีนในจังหวัดเชียงใหม่ลดลง โดยมีลูกค้าจากไต้หวัน ฮ่องกง สิงคโปร์เข้ามาแทนที่
.
ซึ่งนายสรนันท์ ได้เสนอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทาง การเงินในทุกภาคส่วน อาทิ มาตรการลดค่าโอนและจดจำนอง เป็นต้น หลังจากที่การลงทุนโดยภาครัฐก่อนหน้านี้ ไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ
.
ขณะที่ ปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อบ้านและคอนโดนมากขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงคาดหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่จะออกนโยบายที่ช่วยให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตมากขึ้น เช่น มาตรการฟรีวีซ่า เพื่อรองรับความต้องการของชาวต่างชาติ
.
ปัจจุบัน บริษัทได้ปรับแนวทางธุรกิจจากปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น เช่น การสร้างสินค้าให้มีความแตกต่างและหลากหลาย อาทิ บ้านสไตล์ญี่ปุ่น คอนโดมิเนียมสไตล์ยูโปเปี้ยน บ้านระดับลักชัวรี รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เช่น เครื่องกรองอากาศ เพื่อป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
.
เช่นเดียวกับ ดรุณี เลาหะวีร์ กรรมการผู้จัดการ สินธานี พร็อพเพอร์ตี้ ที่มีการปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น และลดต้นทุนการก่อสร้างเพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ เช่น โครงการ “บ้านแฝด” ที่มีการดีไซน์ให้ทันสมัยตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้ามากขึ้น
.
แม้ว่าธุรกิจภาคการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ภาคเหนือจะขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งจากการย้ายถิ่นฐานเข้ามาในพื้นที่สูงถึง 50,000 คนต่อปี และการลงทุนจากภาครัฐ เช่น การขยายสนามบิน มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว 18 ล้านคนต่อปี
.
แต่แนวโน้มเศรษฐกิจภาคเหนือ ปี 2566 – 2567 แม้จะยังคงเติบโต แต่ก็อยู่ในอัตราชะลอตัว รวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคที่หดตัวจากหนี้ครัวเรือน และดอกเบี้ยขาขึ้น กลายเป็นโจทย์สำคัญ ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในเชียงใหม่ต้องปรับตัว
.
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
ร่วมแสดงความคิดเห็น