ค้าปลีกขนาดใหญ่ขึ้นป้ายจำกัดการจำหน่ายน้ำตาลทรายบรรจุถุงขนาด 1 กิโลกรัม ทุกยี่ห้อระบุเอาไว้ว่าซื้อได้ไม่เกิน 6 ถุงต่อ หนึ่ง ใบเสร็จ โดยราคาขณะนี้ยังอยู่ที่กิโลกรัมละ 24 ถึง 25 บาท ก่อนที่จะปรับขึ้นอีก 3 บาท ในวันพรุ่งนี้
ขณะที่ร้านสะดวกซื้อบางแห่งพบว่าน้ำตาลทรายบางยี่ห้อไม่มีจำหน่าย จากการสอบถามพนักงานขายระบุว่าสินค้าหมดสต็อก ลูกค้ามาซื้อกันอย่างต่อเนื่อง ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่าจากการส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบการจำหน่ายน้ำตาลทรายตาม ห้างค้าส่ง ค้าปลีก ร้านสะดวกซื้อ เพราะมีน้ำตาลทรายวางจำหน่ายและยืนยันสต็อกยังมีของอยู่
ส่วนกรณีที่ห้างจำกัดการซื้อไม่เกิน 6 ถุงต่อ 1 ใบเสร็จ เพื่อป้องกันการกักตุน เพียงแต่ว่าการที่จำกัดการซื้อเนื่องจากมีข่าวออกมาว่าน้ำตาลจะขึ้นราคา 4 บาท ต่อกิโล อาจจะทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ทำการซื้อเก็บไว้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะไม่เกิดผลดีจึงอยากจะขอความร่วมมือว่าไม่จำเป็นต้องซื้อเก็บไว้มากๆ เพราะว่าของไม่ได้ขาด เพราะบริโภคในประเทศแค่ 2.5% ส่งออก 7.5% ในเรื่องของปริมาณคงไม่มีปัญหาอะไร
ในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างผู้ประกอบการที่ทำขนมที่ใช้น้ำตาลทรายในทุกๆ วัน วันละกว่า 150 กิโลกรัม ในการผลิต การขึ้นราคาน้ำตาลทรายสร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการอย่างมาก เพราะว่ากระทบกับต้นทุนการผลิตมาก แต่ไม่สามารถปรับขึ้นราคาขนมได้ แต่ต้นทุนสูงขึ้นและไม่ใช่เฉพาะตัวน้ำตาลอย่างเดียว วัตถุดิบตัวอื่นๆ ที่มันมีส่วนประกอบของความหวานก็จะขึ้นมาอีกเท่าตัวนั้นคือปัญหาที่จะตามมากระทบต่อผู้ประกอบการอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้ ตอนนี้จะปรับราคาขึ้นหรือจะแก้ไขปัญหาอย่างไรก็ต้องยอมรับตรงนี้ไปก่อน
ส่วนผู้ประกอบการโรงงานผลิตซอสหวานในจังหวัดเชียงใหม่บอกว่าราคาน้ำตาลทรายที่สูงขึ้นทำให้ทางโรงงานต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามราคาวัตถุดิบ เพราะฉะนั้นผลกระทบถามว่ามีหรือไม่ก็ต้องตอบว่าไม่ได้มีผลกระทบเพราะต้องขึ้นราคาตามวัตถุดิบที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น และเราก็ปรับขึ้นราคาสินค้าเรา
ดังนั้นผู้บริโภคคือผู้แบกรับรายจ่ายที่แท้จริง ถ้าพูดกันแบบตรงๆ ก็คือ ผู้บริโภคต้องเป็นผู้จ่ายเงินในส่วนต่างพวกนี้ ให้เราผู้บริโภคก็ต้องแบกรับภาระตรงนี้ไป
ในส่วนของชาวไร่อ้อย อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี บอกว่าการปรับราคาน้ำตาลในประเทศที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับชาวไร่เพราะว่าปีนี้ผลผลิตอ้อยน้อยคุณภาพอ้อยต่ำซึ่งเป็นผลกระทบจากภัยแล้งและต้นทุนการเพาะปลูกสูง ค่าน้ำมัน ค่าจ้างแรงงานที่สูงขึ้นแล้วก็ยังมีค่าเช่ารถตัดอ้อยเพราะที่ไร่ตัดอ้อยสด คาดหวังว่ารัฐบาลจะช่วยค่าตัดอ้อยสด 120 บาท ต่อตัน
รวมไปถึงประกาศราคาอ้อยขั้นต่ำอยู่ที่ 1,300 ถึง 1,400 บาท ต่อตัน อ้อยจะครอบคลุมต้นทุนการผลิต ถ้าหากว่ามีการปรับขึ้นก็คือจะมีต้นทุนต่อไป สำหรับปริมาณผลผลิตอ้อยปีนี้คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายเหลือ 75 ล้านตัน จากเป้าหมายคือ 90 ล้านตัน เพราะว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งและคาดว่าจะผลิตน้ำตาลทรายได้ 8 ล้านตัน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจะประกาศราคาอ้อยก่อนเปิดหีบอ้อยในช่วงเดือนธันวาคม 2566
เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ
ร่วมแสดงความคิดเห็น