ทิศทางราคาข้าวตลาดโลก ปี 2023 – 2024 มีความเสี่ยงพุ่งสูง?

ราคาข้าวในตลาดโลกยังมีความเสี่ยงพุ่งสูง?

อินเดียสั่งงดส่งออกข้าวเพื่อที่จะรักษาเสถียรภาพราคาข้าวให้กับคนในประเทศ แต่ก็ทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงทำสถิติในรอบ 10 ปี ถ้ามองในแง่ดีบรรดากลุ่มผู้ส่งออกข้าว ซึ่งรวมถึงไทยด้วยน่าจะได้อานิสงส์ แต่ราคาที่พุ่งขึ้นคือภาระของคนในประเทศ และนักวิเคราะห์หลายคนออกมาแสดงความกังวลถึงสถานการณ์ที่จะส่งผลต่อเงินเฟ้อทั่วโลกที่อาจจะพุ่งสูงขึ้นตามอีกระลอกเป็นไปได้

ปัจจุบันราคาข้าวในตลาดโลกผันผวนพอสมควร โดยเฉพาะหลังจากอินเดียประกาศระงับการส่งออกข้าวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพียง 3 วัน หลังจากข้อตกลงส่งออกธัญพืชรัสเซียล่ม รัฐบาลอินเดียก็เริ่มบังคับใช้คำสั่งห้ามส่งออกข้าว เพื่อรับมือกับปัญหาในประเทศ ทั้งราคาอาหารที่พุ่งสูง อัตราเงินเฟ้อถีบตัวสูงขึ้นและความกังวลถึงผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนินโญ ที่อาจจะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงในช่วงที่ตรงกับการเลือกตั้งพอดี 

แต่การแก้ปัญหาในครั้งนี้ของอินเดียกลับยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางอาหารของโลกให้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก โดยราคาข้าวในตลาดโลกทะยานขึ้นสูงสุดในรอบมากกว่า 10 ปี ท่ามกลางความกังวลว่าข้าวในฐานะอาหารหลักของคนมากกว่าครึ่งโลกจะกลายเป็นโดมิโน่ตัวแรกที่ล้มก่อนที่ราคาอาหารประเภทอื่นๆ จะพุ่งสูงตามไปด้วยซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลไปถึงราคาพลังงานและค่าครองชีพในที่สุด 

นับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมาอินเดียในกระโดดแซงหน้าไทยและก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ข้อมูลจากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ เอฟเอโอ(FAO) ชี้ว่า เมื่อปีที่แล้วอินเดียครองส่วนแบ่งการส่งออกข้าวมากถึง 40% ของทั้งโลกทิ้งห่างไทยที่เป็นอันดับ 2 เกือบ 3 เท่า ตามมาด้วย เวียดนามปากีสถาน และ สหรัฐฯ

ข้าวจากอินเดียถูกส่งไปขายยัง 140 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นประเทศที่พึ่งพิงการนำเข้าข้าวอินเดีย อย่าง บังกลาเทศ เนปาล เบนินโตโกและมาลี ต้องรับแรงกระแทกจากนโยบายข้าวของอินเดียไปแบบเต็มๆแต่อาจจะมีทางออกอยู่บ้าง เพราะว่ารัฐบาลอินเดียยังเปิดโอกาสให้ชาติอื่นๆ สามารถเข้าไปขอเจรจาซื้อข้าวแบบจีทูจี(G2G) หรือว่ารัฐต่อรัฐได้ซึ่งหลายประเทศเริ่มมีติดต่อเข้าไปแล้ว

แต่อินเดียไม่ใช่ผู้ส่งออกข้าวเจ้าเดียวที่ทำให้ตลาดโลกกังวล นั้นเพราะตอนนี้เมียนมากลายเป็นประเทศล่าสุดที่ออกมาประกาศระงับการส่งออกข้าวนาน 45 วัน เพื่อควบคุมราคาในประเทศ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้สิ้นเดือนนี้และแม้ว่าเมียนมาจะไม่ติด 5 อันดับแรกของประเทศผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดในโลกในปัจจุบัน แต่หลายคนกังวลเขาว่าประเทศอื่นๆ อาจจะเคลื่อนไหวตามเมียนมา เพื่อชะลอผลกระทบในประเทศและเตรียมตัวรับมือกับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่วนกลับมาเกิดอีกครั้งในรอบ 7 ปีก็เป็นไปได้

สถานการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้วเมื่อปี 2008 ตอนนั้น เวียดนาม เริ่มจำกัดการส่งออกข้าวตามมาด้วยอินเดีย กัมพูชา และอีกหลายประเทศ จนกลายเป็นวิกฤตข้าวโลกและทำให้ราคาข้าวพุ่งทะลุ 3 เท่าในเวลาเพียงไม่กี่เดือน

แต่สถานการณ์ในตอนนี้อาจย่ำแย่และต่างออกไป เพราะว่าวิกฤติโลกร้อนและสงครามรัสเซียยูเครน 

เอฟเอโอ รวบรวมข้อมูลราคาส่งออกข้าวรายเดือนในหลายประเทศมาจัดทำเป็นดัชนีราคาข้าวในตลาดโลก พบว่านับตั้งแต่ สองยักษ์ใหญ่ผู้ส่งออกธัญพืชอย่างรัสเซียและยูเครนเปิดฉากทำสงครามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตามความต้องการข้าวที่เพิ่มสูงขึ้นเพื่อทดแทนธัญพืชที่มีลดลงในตลาดโลก

สถานการณ์ในปีนี้กระโดดขึ้นไปเลวร้ายกว่าเก่า โดยเฉพาะหลังจากอินเดียระงับส่งออกข้าวราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วหรือสูงที่สุดในรอบ 12 ปี และดูจากแนวโน้มในปัจจุบันนักวิเคราะห์บางส่วนบอกว่าสถานการณ์นี้อาจจะยังไม่ดีขึ้นในเร็วๆ นี้

แต่อย่าพึ่งวิตกกังวลมากเกินไป เพราะว่าเกษตรกรและพ่อค้าในเวียดนามเองก็เล็งเห็นถึงโอกาสจากราคาส่งออกข้าวของประเทศที่ปรับตัวกระโดดขึ้นสูงถึง 35% ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 15 ปี ก็เลยหันมาเร่งปลูกข้าวเพื่อป้อนความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลก แต่ในไทยยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนเรื่องข้าวที่ราคาภายในประเทศนั้นตกต่ำลงจนเหลือไม่ถึง 10 บาท

ขณะที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ประเมินว่าในปีหน้าประเทศผู้ส่งออกข้าวรายอื่นๆ เช่น บราซิล ปากีสถาน และเวียดนาม น่าจะเพิ่มการส่งออกทดแทนส่วนต่างของข้าวอินเดียที่หายไป ส่วนปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้ามีการคาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวของทั้งโลกน่าจะเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยโดยเฉพาะในรัสเซีย ยูกันดา และสหรัฐอเมริกา

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ภาพรวมราคาอาหารในปีนี้จะต่ำกว่าปีที่แล้วแม้ว่าจะเจอคำสั่งห้ามส่งออกข้าวของอินเดียก็ตาม เพราะว่าผลผลิตข้าวรวมไปถึงธัญพืชอื่นๆ น่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ เพราะสภาพอากาศไม่เลวร้ายมากอย่างที่คิด  

ท้ายที่สุดแล้วฟ้าฝนเกิดไม่เป็นใจขึ้นมาหรือว่าปรากฏการณ์เอลนีโญเองก็มีผลกระทบที่ร้ายแรงมากขึ้นก็ต้องมาประเมินสถานการณ์กันใหม่

เรียบเรียงโดย : บ่าวหัวเสือ

อ่านข่าวเพิ่มเติม :

ชาวนาเจียงใหม่น้ำตาตกขายข้าวนึ่งได้กิโล 9 บาท…

ร่วมแสดงความคิดเห็น