กองทุนรวมบิตคอยน์ 2 กองทุนได้รายงานว่ากองทุนของพวกเขากลับมาเพิ่มขึ้น 30% หลังจากการก่อตั้งเมื่อเดือน มิถุนายน ดึงดูดนักลงทุนเนื่องจากราคาของกองทุนนั้นพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนไปแตะ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งอเมริกา
มีเพียงสองบริษัทจัดการสินทรัพย์เท่านั้นที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อนุญาตให้ตั้งกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์ บริษัทแรกคือ One Asset Management (ONEAM) และ บริษัทที่สอง คือ MFC Asset Management (MFC)
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จำกัดการลงทุนในกองทุนบิตคอยน์ให้กับนักลงทุนสถาบัน และ นักลงทุนที่ได้รับการรับรองเป็นพิเศษ เนื่องจากความเสี่ยงที่สูง นักลงทุนเหล่านี้จำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องของการจัดการสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง
สกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของโลกมีราคาพุ่งสูงขึ้น 0.9% ไปถึง 95,964 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ได้คาดว่าราคาจะขึ้นไปสูงถึง 100,000 ดอลลาร์ ภายในปีนี้
หนึ่งในกองทุนคือ ONE Bitcoin ETF Fund of Funds ไม่ป้องกันความเสี่ยง (ไม่ใช่กองทุนสำหรับนักลงทุนรายย่อย) โดยมีเครื่องหมายการค้า ONE-BTCETFOF-UI เปิดตัวโดยบริษัท ONEAM ในวันที่ 6 มิถุนายน
กองทุนนั้นเลือกลงทุนในกองทุนหลักหลายกองทุน เช่น Franklin Bitcoin ETF (50.6 ของกองทุน), iShares Bitcoin Trust Fund (38.4% ของกองทุน) และ Fidelity Wise Origin Bitcoin Fund (10.5% ของกองทุน) มูลค่ารวมของกองทุน ณ 26 พฤศจิกายน อยู่ที่ 327 ล้านบาท
คุณ พจน์ หะริณสุต หัวหน้าฝ่ายบริหารของ ONEAM กล่าวว่า กองทุน ONE-BTCETFOF-UI ได้รับผลตอบแทนมากว่า 30% สะท้อนผลการดำเนินงานของกองทุนหลัก
“ความสนใจของนักลงทุนในการลงทุนในบิตคอยน์ ได้พุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของมันแล้ว หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเกี่ยวกับนโยบายสนับสนุนบิตคอยน์ของเขา” คุณ พจห์ กล่าว
การลงทุนในกองทุนบิตคอยน์นั้นให้ประโยชน์กับนักลงทุนอย่างเช่นการยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย และ การดูแลทรัพย์สินที่เชื่อถือได้ โดยการจัดการภายใต้การกำกับดูแลของบริษัท SEC ทำให้กองทุนนี้ปลอดภัยกว่าแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม
MFC Bitcoin EFT Tracker Fun (เฉพาะนักลงทุนที่ได้รับการคัดเลือก) ด้วยเครื่องหมาย MBTCETF-UI ลงทุนในกองทุนรวมดัชนีบิตคอยน์ โดยเฉพาะ iShares Bitcoin Trust ดูแลโดย BlackRock ผู้ให้บริการกองทุนรวมดัชนีที่ใหญ่ที่สุดในโลก
คุณ เชาวน์กร โชติบัณฑ์ รองประธานบริหาร และ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนที่ MFC กล่าวว่า MBTCETF-UI ให้เงินตอบแทนประมาณ 30% ตั้งแต่การเปิดตัว ในวันที่ 7 มิถุนายน และในวันที่ 23 พฤศจิกายน iShare Bitcoin Trust ให้การตอบแทน 99% โดยตัวเหรียญบิตคอยน์นั้นให้ค่าตอบแทน 134%
คุณ เชาวน์กร กล่าวว่า ราคาที่พุ่งขึ้นนั้นเป็นผลมาจากนโยบายของทรัมป์ โดยเขาช่วยสร้างความเชื่อมั่นในบทบาทของบิตคอยน์ในระบบการเงิน ตามความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น MFC ขยายขนาดของการจดทะเบียนทรัพย์สินของกองทุน MBTCETF-UI จาก 2 พันล้าน เป็น 5 พันล้านบาท ในวันที่ 14 พฤศจิกายน
จากวัน 27 พฤศจิกายน มูลค่าสุทธิของกองทุน เพิ่มขึ้นเป็น 2.5 พันล้านบาท
“บิตคอยน์และทรัพย์สินดิจิทัลเป็นการลงทุนทางเลือกด้วยความเสี่ยงที่สูง เราขอแนะนำให้จัดสรรการลงทุน โดยลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัลเพียง 1% เท่านั้น หรือ เป็นจำนวนเงินที่สอดคล้องกับความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณ”
นักลงทุนวัยหนุ่มนั้นมีความสนใจในทรัพย์สินดิจิทัล โดยที่นักลงทุนคนอื่นๆ ลงทุนในบิตคอยน์ เพราะความกังวลเกี่ยวกับความเสถียรของเงินดอลลาร์เท่านั้น คุณ เชาวน์กร กล่าว
ที่มา: https://www.bangkokpost.com/business/investment/2912405/local-bitcoin-funds-record-returns-of-30-
ร่วมแสดงความคิดเห็น