- โดนัล ทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง สหรัฐอเมริกา
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2567 เป็นการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 60 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกจัดขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567
โดยเมื่อ พ.ศ. 2563 โจ ไบเดิน ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน เคยประกาศเจตนารมณ์ในการลงสมัครเป็นสมัยที่ 2 แต่ได้ถอนตัวในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2567 เนื่องจากปัญหาทางสุขภาพประกอบกับกระแสความนิยมที่ลดลง และสนับสนุนให้กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในนามพรรคเดโมแครตแทน
โดยผลการเลือกตั้ง โดยในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 โดนัลด์ ทรัมป์ได้ชนะการเลือกตั้งไปด้วยคะแนน 312 ต่อ 226 ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีของ สหรัฐอเมริกาเป็นครั้งที่ 2 โดยเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2017
โดย ทรัมป์ มีนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อทั้งโลก เช่น นโยบายการขึ้นภาษีศุลกากร ซึ่งจะขึ้นภาษีต่อประเทศต่างๆ 20% แต่จะขึ้นภาษีกับจีน 60% ส่งผลให้ตอนนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งตัวขึ้น ในขณะที่ค่าเงินของสกุลเงินต่างๆ ทั่วโลก เริ่มอ่อนตัวลง ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าจะสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัล บิตคอยน์ ทำให้ตอนนี้มูลค่าของบิตคอยน์สูงถึงเกือบ 100,000 ดอลลาร์
นอกจากนี้ทรัมป์ยังมีนโยบายที่จะถอนตัวจากความขัดแย้งส่วนอื่นของโลก โดยให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะหยุดสงคราม รัสเซีย ยูเครน ให้เร็วที่สุด ส่วนประเด็นสงครามอิสราเอล และ ปาเลสไตน์ ทรัมป์ วางจุดยืนของเขาในข้างของอิสราเอล ขณะเดียวันเขากล่าวว่าถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดีจะไม่มีสงครามเกิดขึ้นแน่นอน โดยรัฐบาลของทรัมป์จะได้เริ่มต้นการทำงานในเดือน มกราคม ปีหน้า
2. การเลือกตั้งสหราชอาณาจักร
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหราชอาณาจักรลงคะแนนเสียงให้พรรคแรงงานของ Keir Starmer ขึ้นสู่อำนาจด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น พรรคนี้ชนะการเลือกตั้งทั้งหมด 412 ที่นั่ง (ส่วนพรรคอนุรักษ์นิยมได้ 121 ที่นั่ง) เพิ่มขึ้น 211 ที่นั่งจากการเลือกตั้งทั่วไปครั้งก่อนในปี 2019 ทำให้พรรคได้ที่นั่งข้างมากจำนวนมาก เนื่องจากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี ซึ่งเป็นการเปลี่ยนขั้วการเมืองของสหราชอาณาจักรที่พรรคอนุรักษ์นิยมเป็นรัฐบาลมามากกว่า 14 ปี
โดยการเลือกตั้งได้ถูกจัดขึ้นไวกว่าปกติประมาณ 3 เดือน เนื่องจากชื่อเสียงในพรรคอนุรักษ์นิยมร่วงลงเป็นอย่างมาก ริชี ซูแน็กนายกรัฐมนตรีในตอนนั้นจึงประกาศให้มีการเลือกตั้งไวกว่าปกติก่อนที่ชื่อเสียงของพรรคอนุรักษ์นิยมจะร่วงลงไปกว่านี้ อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดพรรคแรงงานก็เอาชนะการเลือกตั้งไปได้อยู่ดี
โดยนโยบายสำคัญของพรรคแรงงานคือ นโยบายที่จะยืนเคียงข้าง NATO ในสงครามรัสเซีย ยูเครน โดยในขณะนี้ อังกฤษก็เป็นผู้สนับสนุนอาวุธให้กับยูเครน และยูเครนก็ได้ใช้อาวุธที่อังกฤษมอบให้โจมตีรัสเซียอยู่ในขณะนี้
3. สงคราม อิสราเอล ปาเลสไตน์
สงครามของอิสราเอลในฉนวนกาซา ถือเป็นหนึ่งในสงครามที่เลวร้ายที่สุดในหน้า ประวัติศาสตร์ เพราะความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน นับตั้งแต่ 7 ตุลาคม 2023 ที่ฮามาส กลุ่มติดอาวุธจากกาซา เปิดฉากโจมตีทั้งทางอากาศ บก และทะเลของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม หลังการเปิดฉากโจมตีของกลุ่มฮามาสไม่นาน อิสราเอลตอบโต้ฮามาสและฉนวนกาซาทันที พร้อมกับออกคำสั่งให้ชาวปาเลสไตน์อพยพไปทางใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกโจมตี ตลอด ช่วงเวลาผ่านมา ประชากร 2.3 ล้านคน หรือ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ในฉนวนกาซา กลายเป็นผู้พลัดถิ่น ทำให้ผู้คนจำเป็นต้องเบียดเสียดกันในศูนย์พักพิง โดยไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา หรือห้องน้ำ
นานาชาติเข้ามามีบทบาทในการพยายามระงับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส หลายประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ สหภาพยุโรป และกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง เช่น อียิปต์และกาตาร์ เรียกร้องให้มีการหยุดยิงและเปิดการเจรจาสันติภาพ แต่ความพยายามเหล่านี้กลับล้มเหลว เพราะความไม่ไว้วางใจระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายยังคงอยู่ และทั้งสองต่างยืนกรานในเงื่อนไขของตนเอง
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้ผ่านมติ 2728เรียกร้องให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซาโดยทันที อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การสู้รบในฉนวนกาซายังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะเมืองราฟาห์ ซึ่งอิสราเอลโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วง
ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ออกแถลงการณ์ระบุว่า ได้ออกหมายจับเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โยอาฟ กัลแลนต์ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล และ โมฮัมเหม็ด เดอีฟ ผู้บัญชาการทหารกลุ่มฮามาส โดยระบุว่า มีเหตุผลอันสมควรที่ชายทั้ง 3 คน ต้องรับผิดทางอาญาในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและอาชญากรรมสงคราม สืบเนื่องจากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในกาซาที่ปะทุขึ้น เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้ว การออกหมายจับครั้งนี้ เนทันยาฮูและอดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล มีสิทธิ์โดนจับหากว่าออกเดินทางไปกว่า 124 ประเทศทั่วโลกที่เป็นสมาชิกของไอซีซี
สำนักนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลเรียกมันว่า “การตัดสินใจที่ต่อต้านชาวยิว” และระบุว่าอิสราเอล “ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นจริงและไร้สาระดังกล่าวอย่างถึงที่สุด” พร้อมชี้ด้วยว่าศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นเป็น “องค์กรทางการเมืองที่ลำเอียงและแบ่งแยก” และยังคงดำเนินการทำสงครามต่อไปโดยอ้างว่าเป็นการป้องตนเอง
อิสราเอลก่อสงคราม ในซีเรีย
ในวันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันที่กลุ่มต่อต้านโค่นล้มรัฐบาลบาชาร์ อัล อัสซาดในซีเรียได้สำเร็จ ทางอิสราเอลก็โจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางการทหารในซีเรียอย่างหนัก โดยเป็นการโจมตีทั้งทางอากาศและทางเรือ เป้าหมายการโจมตีตั้งแต่คลังกระสุน คลังอาวุธเคมี ศูนย์ค้นคว้าและวิจัยทางการทหาร ไปจนถึงฐานทัพใหญ่ ทั้งฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศ ด้านอิสราเอลชี้แจงว่า ปฏิบัติการโจมตีดังกล่าวมีขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้อาวุธของกองทัพซีเรียตกไปอยู่ในมือของกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจมีความเป็นไปได้สูง ในช่วงที่ซีเรียกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคหลังสิ้นสุดการปกครองของระบอบอัสซาด
อิสราเอลยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสงคราม
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม อิสราเอลยังโจมตีฉนวนกาซา คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปอย่างน้อย 53 คน โดยไม่มีทีท่าจะสนใจมติหยุดยิงที่ได้ลงมติแล้ว อีกทั้งยังโจมตีซีเรียในเวลาที่ประเทศซีเรียมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง โดยประเทศต่างๆได้ผลักดันมติหยุดยิงในกาซาและพื้นที่อื่นๆ แต่ก็ดูจะเป็นผลสักเท่าไหร่
4. สงครามซีเรีย การล่มสลายของเผด็จการ
ในปี 2024 การเมืองของซีเรียได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเดือนธันวาคม เมื่อกลุ่มกบฏนำโดยกลุ่มฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham – HTS) สามารถบุกยึดกรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศได้สำเร็จ
การล่มสลายของรัฐบาลอัสซาด: ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ได้หลบหนีออกจากประเทศ หลังจากที่กลุ่มกบฏเข้ายึดกรุงดามัสกัสได้สำเร็จ ทำให้การปกครองของตระกูลอัล-อัสซาดที่ยาวนานกว่า 53 ปีสิ้นสุดลง
การประกาศของกลุ่มกบฏ: กลุ่ม HTS ได้ประกาศว่าระบอบการปกครองของอัสซาดล่มสลายแล้ว และได้ปล่อยตัวนักโทษทั้งหมดในเรือนจำ
การล่มสลายของรัฐบาลอัสซาดนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ในซีเรีย โดยกลุ่มกบฏได้เข้ามามีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การเปลี่ยนแปลงในซีเรียส่งผลต่อสมดุลอำนาจในตะวันออกกลาง และอาจนำไปสู่การปรับตัวของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค
5. สงครามรัสเซีย ยูเครน
สงครามระหว่างยูเครนรัสเซียได้เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวานที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 โดยในวันแรกนั้นปูตินได้สั่งปฏิบัติการทางการทหารเข้ายึดดอนบาสหลังจากเห็นว่าทั้ง 2 รัฐเป็นรัฐอิสระ ทำให้ยูเครนประกาศกฎอัยการศึกโดยทันที พร้อมทั้งตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัสเซีย และยกหูหาโจ ไบเดนให้นำเข้าการประชุม G7โดยด่วนเพื่อคว่ำบาตรรัสเซีย และขอแรงสนับสนุนยูเครน วันแรกนั้นรัสเซียมุ่งเน้นการโจมตีที่โครงสร้างพื้นฐานทางทหารเป็นหลัก และจบลงที่ยูเครนประกาศว่ากองกำลังรัสเซียได้ยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลได้แล้วซึ่งอยู่ตอนบนของยูเครนโดยกำลังพลอีกฝั่งจากเบรารุสบุกลงมา และได้ครองบางส่วนของดอนบาสได้ด้วยเช่นกัน ทางด้านประเทศต่าง ๆ ก็ได้ลงประณามกันถ้วนหน้าจากการกระทำนี้ ที่ทำให้ประชาชนต้องย้ายถิ่นฐาน และเกิดความเสียหาย
ยูเครนได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก ทั้งในด้านอาวุธ เงินทุน และการฝึกอบรม เช่น ระบบ HIMARS และขีปนาวุธระยะไกล สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาประกาศคว่ำบาตรเศรษฐกิจต่อรัสเซียอย่างเข้มงวด องค์การ NATO ยกระดับการป้องปรามในยุโรปตะวันออก แต่หลีกเลี่ยงการส่งทหารเข้าร่วมโดยตรง ยูเครนเปิดการโจมตีตอบโต้ในแคว้นทางตะวันออกและทางใต้ โดยเฉพาะในแคว้นเคอร์ซอนและซาโปริซเชีย ความสูญเสียทั้งในด้านกำลังทหารและพลเรือนมีจำนวนมาก และยังมีวิกฤตผู้อพยพที่เกิดขึ้น รัสเซียยังคงยิงขีปนาวุธโจมตีเมืองสำคัญของยูเครน ขณะที่ยูเครนได้รับโดรนและเทคโนโลยีขั้นสูงจากตะวันตก
การเจรจาสันติภาพยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากทั้งสองฝ่ายมีเงื่อนไขที่ไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ นานาชาติกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของสงครามและผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะราคาพลังงานและอาหาร
6. ปารีส โอลิมปิค
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 หรือ “ปารีสเกมส์” จัดขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม ถึง 11 สิงหาคม 2024 โดยมีนักกีฬาจาก 206 ประเทศเข้าร่วมแข่งขันใน 32 ชนิดกีฬา ชิงชัยใน 329 รายการ โดยชาติที่เป็นเจ้าเหรียญทองคือ สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วย จีน และ ออสเตรเลีย และ ชาติที่ได้ทุกเหรียญรวมมากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วย จีน และ ฝรั่งเศส
ผลงานของนักกีฬาไทย
เหรียญทอง (1 เหรียญ): เทควันโด: พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รุ่น 49 กก.หญิง
เหรียญเงิน (3 เหรียญ): แบดมินตัน: กุลวุฒิ วิทิตศานต์ ชายเดี่ยว
ยกน้ำหนัก: ธีรพงศ์ ศิลาชัย รุ่น 61 กก.ชาย
ยกน้ำหนัก: วีรพล วิชุมา รุ่น 73 กก.ชาย
เหรียญทองแดง (2 เหรียญ): มวยสากล: จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง รุ่น 66 กก.หญิง
ยกน้ำหนัก: สุรจนา คำเบ้า รุ่น 49 กก.หญิง
7. สงครามในพม่า
ในปี 2024 ความขัดแย้งในเมียนมายังคงดำเนินต่อไปอย่างรุนแรง โดยเฉพาะระหว่างกองทัพเมียนมา (Tatmadaw) กับกองกำลังฝ่ายต่อต้าน รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธ (EAOs) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) นับเป็นอีกปีที่มีความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพยากรอย่างมหาศาลการสู้รบในเขตชาติพันธุ์
การปะทะยังคงรุนแรงในรัฐกะเหรี่ยง (Karen State) รัฐฉาน (Shan State) และรัฐกะฉิ่น (Kachin State) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธจำนวนมาก กองทัพเมียนมาใช้ยุทธวิธีโจมตีทางอากาศและกองกำลังภาคพื้นดินอย่างหนัก กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ซึ่งเป็นแนวร่วมสำคัญของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ได้เพิ่มการโจมตีในเขตเมืองและพื้นที่ชนบท ทำให้กองทัพเมียนมาต้องเผชิญกับการก่อวินาศกรรมและการโจมตีที่กระจายตัว
ในช่วงกลางปี 2024 กองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDF) ร่วมกับกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) และพันธมิตรชาติพันธุ์ ได้เริ่มการโจมตีที่ประสานกันในหลายจุดของเมืองเมียวดี มีการใช้ทั้งการโจมตีภาคพื้นดินและปืนใหญ่ รวมถึงการโจมตีแบบกองโจรที่ทำให้กองทัพเมียนมาต้องถอยร่นการสูญเสียพื้นที่กองทัพเมียนมาสูญเสียการควบคุมพื้นที่สำคัญบางส่วนในเมียวดี ส่งผลให้กลุ่ม KNLA และ PDF เข้ามาควบคุมพื้นที่บริเวณนี้
ขณะนี้ อาเซียนพยายามผลักดันแผนการหาทางออกทางการเมืองผ่าน “ฉันทามติ 5 ข้อ” (Five-Point Consensus) แต่ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากกองทัพเมียนมาไม่ปฏิบัติตาม
8. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
1.แผ่นดินไหว
ตุรกีและกรีซ
แผ่นดินไหวขนาด 7.8 เกิดขึ้นบริเวณชายแดนตุรกี-กรีซ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน บ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานพังเสียหายอย่างหนัก ความเสียหายต่อเศรษฐกิจในภูมิภาค และความต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินจากนานาชาติ
เปรู
แผ่นดินไหวขนาด 8.1 ในเปรูส่งผลกระทบต่อชุมชนในพื้นที่ชนบท โดยเฉพาะในเขตภูเขาสูง
2. น้ำท่วม
อินเดีย
น้ำท่วมใหญ่ในรัฐอัสสัมและรัฐเบงกอลตะวันตก เนื่องจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคนต้องอพยพ บ้านเรือนและพื้นที่เกษตรกรรมถูกทำลาย เกิดโรคระบาดที่มาจากน้ำ และความเสียหายต่อเศรษฐกิจการเกษตร
สหรัฐอเมริกา
น้ำท่วมฉับพลันในรัฐแคลิฟอร์เนียจากพายุเฮอริเคนที่รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี ทำให้เกิดความเสียหายในหลายเมือง
3. พายุและพายุเฮอริเคน
ฟิลิปปินส์
พายุไต้ฝุ่น “ฮาลอง” พัดถล่มเกาะลูซอนด้วยความเร็วลมกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดดินถล่มและน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ชาวบ้านในพื้นที่ห่างไกลขาดแคลนอาหารและน้ำสะอาด
แคริบเบียน
เฮอริเคน “โซเฟีย” ซึ่งมีระดับความรุนแรงถึง Category 5 พัดถล่มหมู่เกาะในแคริบเบียน เช่น บาฮามาส และเปอร์โตริโก
4. ไฟป่า
แคนาดา
ฤดูไฟป่าที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคนาดาเกิดขึ้นในรัฐบริติชโคลัมเบียและอัลเบอร์ตา สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ป่าและชุมชนใกล้เคียง ส่งผลให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายไปยังสหรัฐฯ และพื้นที่ใกล้เคียง
ออสเตรเลีย
ไฟป่าในรัฐนิวเซาท์เวลส์และรัฐควีนส์แลนด์กลับมาอีกครั้งในช่วงฤดูร้อน ทำลายป่าพื้นเมืองและส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า
5. ภัยแล้ง
แอฟริกาตะวันออก
ภัยแล้งในเคนยา เอธิโอเปีย และโซมาเลีย ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำและอาหารอย่างรุนแรง ส่งผลให้ประชาชนต้องอพยพและเผชิญภาวะอดอยาก การเสียชีวิตของสัตว์เลี้ยงและสัตว์ป่า รวมถึงการแพร่ระบาดของโรคที่เกิดจากน้ำ
สเปน
ภัยแล้งยืดเยื้อในสเปนทำให้ผลผลิตทางการเกษตรลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมมะกอกและองุ่น
6. การปะทุของภูเขาไฟ
อินโดนีเซีย
ภูเขาไฟเมราปีในชวากลางปะทุรุนแรง ปล่อยเถ้าถ่านสูงขึ้นฟ้าและทำให้ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงต้องอพยพ มีการปนเปื้อนของเถ้าถ่านในแหล่งน้ำและการปิดสนามบินชั่วคราว
7. ผลกระทบจากโลกร้อน
คลื่นความร้อนในยุโรป
อุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในประเทศฝรั่งเศส สเปน และอิตาลี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดและส่งผลกระทบต่อการเกษตร การผลิตอาหารลดลง ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้น
การละลายของน้ำแข็งในอาร์กติก
น้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกละลายเร็วที่สุดในประวัติการณ์ ส่งผลต่อระดับน้ำทะเลและความเป็นอยู่ของชนพื้นเมือง
ปี 2024 เป็นปีที่โลกเผชิญความท้าทายและเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ทั้งในเรื่องปัญหาภายในประเทศ การเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของโลก และที่สำคัญภัยพิบัติทางธรรมชาติ ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี
ร่วมแสดงความคิดเห็น