ประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าจะคว่ำบาตรรัสเซียด้วยการขึ้นภาษี จนกว่ารัสเซียจะหยุดสงคราม โดยไม่ระบุรายละเอียดว่าเขาจะมุ่งเป้าไปที่อะไรโดยเฉพาะในเศรษฐกิจรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรอย่างหนักอยู่แล้ว
แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของทรัมป์กล่าวว่าอาจจะมีหนทางอื่นๆเพิ่มเติมที่สามารถกดดันรัสเซียให้หยุดสงครามได้แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรเกิดขึ้นอยู่แล้วในขณะนี้
เจ้าหน้าที่สหรัฐเชื่อว่าจะมีการกดดันรัสเซียในภาคของพลังงาน ซึ่งประธานาธิบดีคนก่อนหน้านี้ โจ ไบเดน เคยตั้งเป้าหมายไว้แล้ว แต่ยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อตลาดโลก
เนื่องจากเขาไม่ได้รับการเลือกตั้ง โจ ไบเดน ได้กำหนดข้อจำกัดใหม่ต่อภาคส่วนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเหลวของรัสเซียไว้แล้ว ซึ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัสเซีย โดยเจ้าหน้าที่ของสหรัฐกล่าวว่าจะทำให้รัสเซียต้องเสียเงินกว่าพันล้านดอลลาร์ การคว่ำบาตรดังกล่าวจะลงโทษองค์กรที่ทำธุรกิจกับรัสเซียด้วย
แต่เจ้าหน้าที่ของทรัมป์บางคนเชื่อว่า สหรัฐสามารถตัดที่มารายได้ของรัสเซียเพิ่มเติมได้ โดยในตอนนี้ ทรัมป์ กำลังจะตั้งโต๊ะเจรจากับ ปูติน เจ้าหน้าที่กล่าวว่า รัฐบาลของไบเดน มุ่งเน้นไปที่ราคาแก๊สในประเทศ ซึ่งนำไปสู่แนวทางที่ระมัดระวังของรัสเซียในช่วงปีที่ผ่านมา
“ผมจะเต็มที่ 100% กับการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยเฉพาะในกลุ่มน้ำมันหลักของรัสเซีย ให้ถึงขั้นที่จะทำให้รัฐบาลของรัสเซียมานั่งโต๊ะเจรจาให้ได้” สก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากทรัมป์ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวระหว่างการพิจารณายืนยันตัวต่อคณะกรรมาธิการการคลังของวุฒิสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หนึ่งในตัวเลือกตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ คือการเพิ่มระดับการคว่ำบาตร ได้แก่การลงโทษบริษัทในยุโรปที่ส่งน้ำมันให้กับรัสเซีย รวมถึงผู้ที่ซื้อน้ำมันของรัสเซียในเอเชีย เจ้าหน้าที่ของทรัมป์ได้ทำการชั่งน้ำหนักของตัวเลือกต่างๆก่อนการเข้ารับตำแหน่งของ ทรัมป์ มา 1 สัปดาห์แล้ว ปรึกษาหารือกับผู้ได้รับการแต่งตั้งจากคณะรัฐมนตรีบางคนร่วมกับกลุ่มวิจัยแนวอนุรักษ์นิยม
ในเรื่องของภาษีศุลกากร ทรัมป์อาจมีพื้นที่ในการเคลื่อนไหวน้อยลง การค้าระหว่างสหรัฐและรัสเซียไม่ได้มีมูลค่ามากอยู่แล้วก่อนสงครามยูเครนเกิดขึ้น และ มีมูลค่าต่ำลงหลังจากสงครามเกิดขึ้น เนื่องจากนโยบายการคว่ำบาตรของ ไบเดน
เส้นทางใดก็ตามที่ทรัมป์เลือก เขาจะไม่ลงมือก่อนการเจรจากับ ปูติน โดยมีความเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้ผลลัพธ์นั้นดีขึ้น
“การเจรจาจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้” ทรัมป์กล่าวในสัปดาห์นี้
ร่วมแสดงความคิดเห็น