มจร.เชียงใหม่ จัดสัมมนาวิชาการวิปัสสนานวัตกรรม

มจร.เชียงใหม่ จัดสัมมนาวิชาการ “วิปัสสนานวัตกรรม : รูปแบบการเผยแผ่วิปัสสนากัมมัฏฐานในสมัยพุทธกาลถึงปัจจุบัน”

วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2568 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ได้จัด สัมมนาวิชาการเรื่อง “วิปัสสนานวัตกรรม : รูปแบบการเผยแผ่วิปัสสนากัมมัฏฐานในสมัยพุทธกาลถึงปัจจุบัน” ณ ห้องประชุมศรีปริยัตยานุรักษ์ โดยมี พันเอก บุญสิทธิ์ ศรีพงษ์ ประจำสำนักพระราชวังพิเศษระดับ 10 เป็นประธานในพิธี จุดเทียนธูปบูชาพระรัตนตรัยและกล่าวเปิดงาน

ในการนี้ พระครูปลัดจักรพันธ์ สุริย์สี ประธานนิสิตปริญญาโท รุ่นที่ 3 สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดสัมมนา จากนั้นได้รับเกียรติจาก พระราชเมธีวชิรดิลก, ดร. ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย เป็นประธานกล่าวเปิดและบรรยายพิเศษในหัวข้อหลักของการสัมมนา

การสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน อาทิ

  1. พระราชเมธีวชิรดิลก, ดร. ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการ มมร. วิทยาเขตมหาวชิราลงกรณราชวิทยาลัย
  2. พระครูกิตติจันทโรภาส เจ้าคณะอำเภอเมืองน่าน
  3. ดร.พิสิฏฐ์ โคตรสุโพธิ์ ผู้อำนวยการบัณฑิตวิทยาลัย มจร. วิทยาเขตเชียงใหม่
  4. ผศ.ดร.สยาม ราชวัตร อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ภายในงานมีการอภิปรายและแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงวิชาการเกี่ยวกับแนวทางการเผยแผ่วิปัสสนากัมมัฏฐานในยุคปัจจุบัน โดยเชื่อมโยงองค์ความรู้จากพุทธกาลสู่สังคมร่วมสมัย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการพุทธธรรมกับนวัตกรรมการเผยแผ่ทางศาสนาอย่างยั่งยืน

ช่วงท้ายของงาน ตัวแทนนิสิตพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา รุ่นที่ 1 ภาคปกติ มอบของที่ระลึกแด่วิทยากรทุกท่าน พร้อมถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก และพระครูวินัยธรธีรปัญญา กิตติกาโร ได้กล่าวสรุปผลการสัมมนา ก่อนปิดงานอย่างสมบูรณ์ด้วยบรรยากาศแห่งความรู้และความร่วมมือ


จากการสัมมนาครั้งนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการเผยแผ่วิปัสสนากัมมัฏฐานให้สอดคล้องกับบริบทสังคมร่วมสมัย โดยอาศัยนวัตกรรมทางการศึกษา เทคโนโลยี และกระบวนการคิดเชิงพุทธธรรมที่ลุ่มลึก ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดเป็นแนวทางในการจัดทำหลักสูตรวิปัสสนาภาวนาให้มีความทันสมัย มีมาตรฐาน และตอบโจทย์ผู้ปฏิบัติในยุคปัจจุบัน ทั้งในเชิงวิชาการและการปฏิบัติจริง อันจะนำไปสู่การพัฒนานิสิต ผู้สอน และผู้สนใจทั่วไปให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องลึกซึ้ง พร้อมทั้งสามารถนำวิปัสสนาภาวนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ร่วมแสดงความคิดเห็น