“สองล้อ” มองการณ์ไกล วางแผนระยะยาวพัฒนานักกีฬาเพื่อเป้าหมายในการคว้าโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา เตรียมส่งนักปั่นดาวรุ่งไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่ศูนย์ฝึกจักรยานโลก (WCC) โดยได้รับการสนับสนุนจากสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (UCI) และคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ที่เห็นความมุ่งมั่นและตั้งใจการทำงานของสมาคมกีฬาจักรยานฯ และผลงานที่ยอดเยี่ยมของนักปั่นไทยที่มีอย่างต่อเนื่อง

“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี รองประธานสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (ACC), ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (ACF) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า จากการที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้รับการสนับสนุนจากสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (UCI) และคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ในการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านบุคลากรและนักกีฬาจักรยานของประเทศไทยอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ Development of National Sport System (DNSS) โดยมี นายบาซิล โมเรลลอน ผู้ประสานงานด้านการศึกษาและทุนของ UCI เป็นผู้ติดต่อประสานงานกับฝ่ายต่างประเทศของสมาคมกีฬาจักรยานฯ
พลเอกเดชา กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวมีประเด็นหลักคือการพิจารณาให้ทุนนักกีฬาจักรยานดาวรุ่งของไทยในการเก็บตัวฝึกซ้อมระยะยาวเป็นเวลา 3 ปีเต็ม ตั้งแต่ปี พ.ศ.2569-2571 เพื่อมุ่งเป้าไปที่การคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนักปั่นไทยจะมีโอกาสได้ไปฝึกซ้อมและตระเวนแข่งขันระยะยาวที่ศูนย์ฝึกจักรยานโลก หรือ World Cycling Center (WCC) ณ สำนักงานใหญ่ของ UCI ที่เมืองเอเกิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีความพร้อมทั้งเรื่องสถานที่ฝึกซ้อม เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์การกีฬาไปจนถึงโอกาสในการแข่งขันเก็บคะแนนเพื่อคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ 2028 ซึ่งสมาคมกีฬาจักรยานฯ วางเป้าหมายระยะยาวว่านักปั่นไทยจะต้องได้โควตาไปแข่งขันไม่น้อยกว่า 4 คน เช่นเดียวกับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2024

“เสธ.หมึก” กล่าวอีกว่า สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้พิจารณานักกีฬาที่มีผลงานดีและโดดเด่นไปฝึกซ้อมที่ศูนย์ฝึกจักรยานโลก ประกอบด้วย จ.ต.นรเศรษฐ์ธาดา บุญมา นักปั่นประเภทลู่ระยะสั้นดีกรีรองแชมป์โลก เจ้าของเหรียญเงินรายการสปรินท์ ในการแข่งขันจักรยานประเภทลู่เยาวชนชิงแชมป์โลก 2024 ที่ประเทศจีน และเป็นแชมป์เอเชียรายการคีรินรุ่นเยาวชน ในการแข่งขันจักรยานประเภทลู่ชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่ประเทศอินเดีย ส่วนประเภทบีเอ็มเอ็กซ์จะส่ง ส.ท.โกเมธ สุขประเสริฐ เจ้าของแชมป์เอเชีย 3 สมัย และ น.ส.หทัยเพชร ใจสว่าง นักกีฬาดาวรุ่งที่มีผลงานยอดเยี่ยม สำหรับประเภทถนนก็จะส่ง น.ส.กมลรดา ขาวปลอด นักปั่นดาวรุ่งทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ขณะที่ประเภทเสือภูเขาทางสตาฟฟ์โค้ชจะพิจารณานักกีฬาครอสคันทรี่ที่มีผลงานโดดเด่นไปฝึกซ้อมในภายหลัง เนื่องจากในโอลิมปิกเกมส์มีแข่งขันเฉพาะรายการครอสคันทรี่ ไม่มีดาวน์ฮิลและอิลิเนเตอร์

พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ทำโครงการค่ายฝึกซ้อมทีมชาติประเภทเสือภูเขา โดยพิจารณายื่นขอทุน TCC (Technical Course for Coaches) จากกองทุนสงเคราะห์โอลิมปิก หรือ โอลิมปิกโซลิดาริตี้ โดยเสนอแผนและงบประมาณผ่านคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งจะเป็นแผนระยะยาว โดยช่วงแรกจะใช้เวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ.2026 ไปจนถึงโอลิมปิกเกมส์ 2028 ขณะเดียวกันสมาคมฯ ก็จัดทำโครงการอบรมผู้ตัดสินแห่งชาติขั้นสูงประเภทถนน Road Elite National Commissaire Course และมีแผนจะดำเนินการต่อเนื่องภายใต้โครงการ UCI Solidarity Programme ในปี พ.ศ.2569 โดย UCI เห็นชอบและพร้อมสนับสนุนในส่วนของหลักสูตรและรับรองการอบรม พร้อมเปิดโอกาสพัฒนาต่อเนื่องไปเป็นผู้ตัดสินนานาชาติ International Commissaire ในอนาคต
“UCI มีความพึงพอใจในการร่วมมือกับสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ และยืนยันว่าจะสนับสนุนต่อเนื่องในด้านการพัฒนาผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่ และนักกีฬา เพราะ UCI เห็นความตั้งใจการทำงานและผลงานที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ทำมาโดยตลอด และเห็นการทำงานของผมที่มุ่งมั่นทำเพื่อพัฒนาวงการกีฬาจักรยานของไทยอย่างแท้จริง รวมทั้งผลงานของนักกีฬาที่มีอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี จะเห็นได้ว่าพวกเราทำงานกันอย่างหนักและไม่มีการหยุดพัก เพื่อเป้าหมายในการสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยอย่างไม่หยุดยั้ง” พลเอกเดชา กล่าวทิ้งท้าย.



ร่วมแสดงความคิดเห็น