ผมเพิ่งกลับจากไปร่วมงานทอดกฐิน ที่วัดสุคันธารามใกล้ตลาดราชวัตรมีคนมาร่วมงาน 4-5 ร้อยคน เช่นเคยที่เมื่อผมไปในที่ที่กฏหมายห้ามสูบบุหรี่ จะสอดส่ายสายตาดูว่ามีคนสูบบุหรี่หรือไม่ สุดท้ายพบมีชายหนึ่งคน ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ใกล้รั้ววัด
ดีใจที่คนไม่ค่อยสูบบุหรี่ในวัดกันแล้ว
พระสงฆ์ ครู และแพทย์เป็นกลุ่มคน 3 กลุ่มแรก ที่เราฝากความหวังที่จะให้เป็นผู้นำทางความคิด ในการสร้างค่านิยมไม่สูบบุหรี่ในสังคมไทย
โปสเตอร์ชิ้นแรกที่เราทำคือ “การถวายบุหรี่แด่พระภิกษุสงฆ์เป็นบาท” เพราะเป็นการถวายยาพิษแก่พระสงฆ์
ปีพ.ศ.2530 พระสงฆ์จังหวัดชลบุรีสูบบุหรี่ 54.5% ครูเพศชาย 40.0%และแพทย์เพศชาย 23.3% เทียบกับชาวนาที่สูบ 68.1%
ช่วงที่เราเริ่มรณรงค์ไม่สูบบุหรี่ใหม่ ๆ พระพยอมจากวัดสวนแก้ว นนทบุรีและหลวงพ่อปัญญา วัชลประทานฯ ได้ร่วมรณรงค์ผ่านสื่ออย่างต่อเนื่อง
หลวงพ่อปัญญาเล่าว่า คนที่จะมาบวชที่วัดชลประทาน ถ้าสูบบุหรี่ ต้องเลิกสูบให้ได้ก่อน จึงจะบวชให้
พระพยอม สโลแกนที่ท่านพูดให้กำลังใจให้เลิกบุหรี่คือ “ เลิกบุหรี่ง่ายนิดเดียว อ้าปากก็หลุด-เลิกได้แล้ว”
ส่วนหลวงพ่อคูณ ทีมงานเราไปขอให้ท่านเลิกสูบบุหรี่ เมื่อท่านเลิกแล้ว ท่านก็เป็นพรีเซนเตอร์รณรงค์ให้คนเลิกสูบบุหรี่ด้วยตัวท่านเอง
ทั้งพระสงฆ์ ครูและแพทย์สูบบุหรี่น้อยลงไปมาก ซึ่งสำคัญมากในการเป็นแบบอย่างให้แก่ประชาชนทั่วไป ที่จะไม่สูบบุหรี่
ศ.นพ ประเวศ วะสี ผู้ร่วมริเริ่มการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่กับ ศ.นพ อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะเมื่อปีพ.ศ.2529 ให้แนวทางในการรณรงค์ว่า ” เราต้องสร้างค่านิยมไม่สูบบุหรี่ให้เกิดขึ้นในสังคมให้ได้ เพราะค่านิยมจะกำกับพฤติกรรมคนในสังคม“ ที่จริง ตามสถิติชายไทยในกรุงเทพ ประมาณ 1 ใน 4 ยังสูบบุหรี่
แต่ที่ผมเห็นคนสูบุหรี่เพียงคนเดียว จากที่มาร่วมงานที่วัดนับร้อยคน แสดงว่าคนสูบบุหรี่ไม่สูบในบริเวณวัด ตามที่กฎหมายห้ามสูบ
และตอนนี้เกิดค่านิยมไม่สูบบุหรี่ในวัดแล้ว
ก็หวังว่าค่านิยมนี้จะเป็นคงอยู่กับศาสนะสถานทั่วประเทศ ทั้งวัด มัสยิดและโบสถ์
ศ.นพ ประกิต วาทีสาธกกิจ 19 ตุลาคม 2568


ร่วมแสดงความคิดเห็น