ท้องถิ่นขานรับแผนปราบยา ทุ่ม 2.4 พันล้าน ลดผู้เสพ-ฟื้นฟูบำบัด

ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า กรณีเหตุกราดยิงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู ตามที่รับรู้ข้อมูลกันว่า ผู้ก่อเหตุ มีประวัติพัวพันยาเสพติด จนนำไปสู่ความสูญเสียที่ประเมินค่าไม่ได้เลย

จนกระทั่งล่าสุดเกิดแนวทางสู่การจัดตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนให้แก่ อปท. รายการเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนศูนย์คัดกรอง และศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม (ยาเสพติด) 2,125 แห่ง วงเงิน 2,477,524,689 บาท เป็นรายการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

โดยสาระที่กระทรวงมหาดไทย มีหนังสือด่วนที่สุดถึง อปท.ทั่วประเทศ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด แจ้งแนวทางการป้องกันและเเก้ไขปัญหายาเสพติดของ อปท. และแนวทางปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2559 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ให้มีการจัดตั้งศูนย์คัดกรอง และจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟู สนับสนุนให้ผู้ติดยาเสพติด หรือ ผู้ผ่านการบำบัดรักษาได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตทางด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา และอาชีพ

“ต้องยอมรับว่า อปท.ขนาดใหญ่ๆ จะมีการวางกรอบงบไว้ในแต่ละกิจกรรม ที่สามารถโอนงบ มาตั้งจ่ายเป็นรายการใหม่ได้ ส่วน อปท.ขนาดเล็กๆ คงต้องหาทางขอรับงบด้านการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติดจากหน่วยงานอื่นๆมาใช้ หรือขอยกเว้นนำเงินสะสมมาใช้จ่ายได้” โดยถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย หลังจากสั่งการให้ทุกจังหวัด รายงานผลการดำเนินงาน ทุกวันที่ 5 ของเดือน โดยเริ่มรายงานครั้งแรก 21 ต.ค. 2565

อย่างไรก็ตาม อปท.แต่ละแห่ง มีชุดข้อมูล เบาะแสผู้ที่มีพฤติกรรม เฝ้าระวัง รวมถึงกลุ่มที่ติดยา ผู้ที่ต้องรับการบำบัดอยู่แล้ว ประเด็นที่ต้องยอมรับคือ กลุ่มค้ายา มีการปรับรูปแบบ หลีกเลี่ยงการจับกุม มีกลไกเครือข่ายที่ซับซ้อน ซึ่งต้องให้หน่วยงานที่มีขีดความสามารถเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น ป.ป.ส. หรือชุดเฉพาะกิจดำเนินการ เพราะ อปท.คงเป็นเพียงฝ่ายสนับสนุนเท่านั้น

ทั้งนี้การจัดสรรเงินอุดหนุนท้องถิ่น ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ. )มีจำนวน 186,520,657,300 บาท ไม่มีรายการเงินอุดหนุนด้านยาเสพติดแต่อย่างใด ซึ่งการที่รัฐฯสนับสนุนงบส่วนเพิ่มเติมมาอีก 2.4 พันล้านบาทนั้น โดยเจตนารมณ์ เป้าหมาย ที่จะลดผู้เสพ ฟื้นฟูบำบัด สนับสนุนภารกิจ อปท.ที่ไม่มีงบ คงต้องดำเนินการต่อเนื่อง ไม่ใช่เป็นไปตามกระแส

ล่าสุด นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยความก้าวหน้าในการดำเนินมาตรการขยายผล และเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามเเก้ไขปัญหายาเสพติด ตามนโยบายประกาศสงครามกับยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ว่าได้รับรายงานจากผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่ต่าง ๆได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เช่น ตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมและตรวจยึดคดียาเสพติดรายสำคัญ 3 คดี ในพื้นที่จังหวัดลำปาง และจังหวัดแพร่ ยึดของกลางยาบ้า 8,618,000 เม็ด โดยคดีแรก เมื่อ 5 ต.ค. 65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก จ.ลำปาง จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 6 ล้านเม็ด รถยนต์กระบะ 1 คัน และรถยนต์เก๋ง 1 คัน ส่วนคดีที่สอง เมื่อ 7 ต.ค. 65 สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ตรวจยึดยาบ้าได้ 618,000 เม็ด หลังได้รับแจ้งจากสายลับ จึงตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณหน้า อบต.แม่พริก เพื่อตรวจยึดยาบ้าดังกล่าว

และเมื่อ 7 ต.ค. 65 กองบังคับการ สืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และ สภ.ห้วยไร่ จ.แพร่ จับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ที่บริเวณด่านตรวจยาเสพติด x-ray ห้วยไร่ ม.4 ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ พร้อมของกลางยาบ้า 10 กระสอบ ประมาณ 2 ล้านเม็ด และรถยนต์บรรทุก 2 คัน เป็นต้น

“การบูรณาการกำลังร่วมกันในการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติดทุกพื้นที่ ดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ มีการรายงานการตรวจค้นและจับกุมผู้ค้าต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้กำชับให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวัง หากจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ให้เร่งทำการขยายผลประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อระดมสรรพกำลังแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ ให้ทุกจังหวัด และอำเภอ รวมถึงภาคีเครือข่ายประชาสัมพันธ์ช่องทางเเจ้งเบาะเเส หรือร้องเรียนที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567ด้วย”

ร่วมแสดงความคิดเห็น