เหยื่อหลอกลงทุนเทรดคริปโตที่เชียงใหม่ นับ 100 ราย พากันหอบหลักฐานร้อง DSI วอนรับเป็นคดีพิเศษ ขณะที่ล่าสุดพบยอดเหยื่อมากกว่า 300 ราย มูลค่าความเสียหายเกิน 300 ล้านแล้ว
วันที่ 29 ส.ค.65 รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้เสียจากกรณีถูกหลอกร่วมลงทุนขุดและทำกำไรกับเหรียญดิจิทัลหรือคริปโตเคอเรนซี่ ในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสข่าวว่าถูกนายทุนเปิดบริษัทสร้างความน่าเชื่อถือหลอกให้ลงทุนซื้อขายเหรียญอิเล็กทรอนิกส์หรือหรือเงินอิเล็กทรอนิกส์คริปโต จนในที่สุดเรื่องได้แดงขึ้นหลังไม่มีเงินจ่ายค่าปันผลให้กับกลุ่มผู้ร่วมลงทุน และมีกลุ่มผู้เสียหายจากเหตุดังกล่าว เดินทางเข้ามาแจ้งความกับศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ จ.เชียงใหม่ อย่างต่อเนื่อง ที่ในขณะนี้ทราบว่ามีผู้เสียหายที่ทยอยเดินทางนำหลักฐานเข้ามาแจ้งแล้วเกินกว่า 300 ราย และมูลค่าความเสียหายมากกว่า 300 ล้านบาทแล้ว

ขณะที่ในวันนี้ เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ยังคงมีผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าวทยอยเดินทางเข้ามาแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ จ.เชียงใหม่ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่า 100 ราย และคาดว่าจะเดินทางเข้ามาเพิ่มเติมอีกอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าว ต่างนำหลักฐานที่มีมาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีทั้งผู้ร่วมลงทุนที่ได้รับความเสียหายตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้าน ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ ยังคงดำเนินการรับเรื่องกับผู้เสียหายทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรวบรวมหลักฐานนำสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
โดยหนึ่งในผู้เสียหายที่เดินทางเข้ามาในวันนี้ เล่าว่า ได้มีทางพี่ที่รู้จักแนะนำให้เข้าร่วมลงทุน เนื่องจากมีประสบการณ์ลงทุนกับบริษัทดังกล่าวแล้วได้รับผลตอบแทนจริง หลังจากนั้นจึงเริ่มลงทุนเรื่อยมา และได้ผลตอบแทนจริงๆ มาปีกว่า แล้วเพิ่งมามีปัญหาขึ้นเมื่อช่วงเดือนนี้ โดยในส่วนของตนเสียหายไปปนะมาณ 2 ล้านบาท และที่เดินทางนำหลักฐานเข้ามาแสดงในวันนี้ก็เพื่อต้องการให้ทางดีเอสไอ รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนมาก และเท่าที่ตนอยู่ในกลุ่มผู้เสียหายยังพบว่า มีบางคนที่ไปกู้เงินมาลงทุน และบางรายก็มีปัญหาด้านการเงิน จึงอยากให้เห็นใจผู้เสียหายที่ได้ร่วมลงทุนไปด้วย

ในส่วนของทางด้าน เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นในขณะนี้ทางศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังคงมีการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคดีดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในขณะนี้จะพบว่ามีผู้เสียหายที่นำหลักฐานเข้ามาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่แล้วเกินกว่า 300 ราย แต่ขณะนี้กรณีดังกล่าวทาง ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากยังมีผู้เสียหายปรากฎขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอยู่ในระหว่างการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม โดยในส่วนของการจะรับเข้าเป็นคดีพิเศษนั้นต้องผ่านการพิจารณา ของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ที่มีมติมาตรา 5 โดยให้มีคณะกรรมการคดีพิเศษ ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นรองประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อัยการสูงสุด ผู้บังคับบัญชาตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เจ้ากรมพระธรรมนูญ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย นายกสภาทนายความ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจำนวน 9 คน และในจำนวนนี้ต้องมีบุคคลซึ่งมีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านเศรษฐศาสตร์ การเงินการธนาคาร เทคโนโลยีสารสนเทศหรือกฎหมายอย่างน้อยด้านละหนึ่งคนเป็นกรรมการ
อย่างไรก็ตาม ได้มีการแนะนำให้ทางกลุ่มผู้เสียหายได้ดำเนินการนำหลักฐานไปแจ้งความกับทางตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท.ซึ่งเปิดรับเรื่องทางออนไลน์ เพื่อดำเนินการคู่ขนานระหว่างที่ยังไม่เป็นคดีพิเศษเพื่อให้ตำรวจเข้ามาสอบสวน







ร่วมแสดงความคิดเห็น