ตร.เร่งคลายปมเงินเลี้ยงช้าง บริษัทปางช้างแม่สา หาย117 ล้านบาท ยอมรับคดีซับซ้อนซ่อนปม
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวรายงาน ข่าวคืบหน้าศึกมรดกพันล้านของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร ผู้ก่อตั้งปางช้างแม่สา, รินลดารีสอร์ต,โรงน้ำดื่มเอเล่ จนมีทรัพย์สินกว่าพันล้านบาท แต่เมื่อเสียชีวิตลงเมื่อต้นปี 2562 ทิ้งทรัพย์สมบัติทั้งในและนอกพินัยกรรมไว้ให้ทายาทจัดแบ่งปันกัน แต่ปรากฎว่าเป็นเวลาล่วงเลยมาร่วม 4 ปีแล้ว ทางทายาทที่มี นางอัญชลี กัลมาพิจิตร บุตรสาวคนโต และนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ภรรยาคนสุดท้า ยที่ทั้งสองร่วมกันเป็นผู้จัดการมรดก ไม่สามารถจัดแบ่งหรือโอนทรัพย์สินให้กับทายาทได้ เนื่องจากตรวจพบเงินเลี้ยงช้างตามพินัยกรรมหายจำนวนถึง 117 ล้านบาท และยังมีเรื่องฟ้องสินสมรส ขอแบ่ง 300 ล้านบาท ที่ตกลงกันไม่ได้จนส่งผลกระทบต่อช้างที่เลี้ยงไว้ถึง 68 เชือก ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้ว

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้ถาม พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จ.เชียงใหม่ หลังจากที่ได้ตั้งชุดทำงานทั้งชุดสืบสวน และสอบสวน ของกองบังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ ลงพื้นที่ติดตามเรื่องเส้นทางเงินจำนวนกว่า 100 ล้านบาท ของบริษัทปางช้างแม่สา ที่มีการแจ้งความตำรวจไว้ที่ สภ.แม่ริม มีความคืบหน้าในคดีอย่างไร ทาง พล.ต.ต.ธวัชชัย ได้เผยว่าตนได้เรียกประชุมชุดสืบสวนและสอบสวน ที่ลงพื้นที่ติดตามเรื่องนี้เมื่อเย็นที่วันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ก็ขอบอกเพียงว่าคดีคืบหน้าไปมาก ทั้งในการสืบสวนและสอบสวน โดยจะนำข้อมูลที่ได้มาร่วมกับพยานที่ทางพนักงานสอบสวน ได้ทยอยเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวน เพื่อประมวลเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ก็ถือว่าได้ความคืบหน้ามาก แต่ทางตำรวจก็คงเปิดเผยอะไรมากไม่ได้ ถือว่าคดีนี้มีความซับซ้อนมากพอสมควร มีการร่วมกันหลายคน ทางตำรวจก็จะทยอยเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องในหลายฝ่ายเข้ามา ก็ต้องขอเวลาให้ทางตำรวจทำคดีนี้ เพื่อให้ความจริงปรากฎตนจะควบคุมคดีนี้ด้วยตัวเองในทุกขั้นตอน ก็ขอให้วางใจในการทำงานของตำรวจที่จะทำความจริงให้ปรากฎให้ได้

ด้าน นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา ได้เผยว่าในเรื่องนี้ตนก็พร้อมให้ความร่วมมือกับทางตำรวจอย่างเต็มที่ โดยให้ทางทนายความนำเอกสารหลักฐานทุกอย่าง ที่ทางตำรวจต้องการไปมอบให้ทั้งหมด ส่วนจะไปถึงใครนั้นตนก็ทำใจได้แล้ว เพราะก็เห็นอยู่แล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันสร้างความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส แก่การเลี้ยงช้างของปางช้างแม่สา ซึ่งในแต่ละเดือนต้องใช้เงินถึง 3 ล้านบาทในการดูแลช้างและพนักงาน แต่เราเดือดร้อนยาวนานมาร่วม 3 ปีแล้ว และเข้าสู่วิกฤตแล้วในเวลานี้ ดังนั้นอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เพราะมันสร้างความเดือดร้อนแก่ช้างถึง 68 เชือก ที่ไม่รู้จะอยู่ต่อไปได้อีกเมื่อไหร่ เรามีเงินจากมรดกพินัยกรรมจำนวนมาก แต่มันยังไม่สามารถจัดการอะไรได้เลย ใครที่ทำอะไรไว้ก็คงจะได้รับผลกรรมที่จะตามมาในเร็ววันนี้เช่นกัน


ร่วมแสดงความคิดเห็น