อดีตครูนาฎศิลป ชม.ร้องสื่อ ส่งร้องเรียนผู้บริหารวิทยาลัยนาฏศิลป ไม่โปร่งใส ผ่านไปกว่า 5 ปี คดียังไม่คืบหน้า ติดอยู่ชั้นอัยการ สำนวนส่อพิรุธชื่อโจทย์ไอ้โม่งโผล่ วอนรื้อคดีใหม่
อดีตครูชำนาญการพิเศษ วิทยาลัยนาฏศิลปะเชียงใหม่ เข้าร้องต่อสื่อมวลชน ให้ชวยเหลือติด
วันที่ 1 มี.ค.66 รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่ร้องเรียนผู้บริหารวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ รับงานแสดงที่ไม่ชอบด้วยระเบียบ กับสำนักงาน ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. เมื่อปี 2561 ผ่านมา 5 ปี ยังไม่คืบหน้า อีกทั้งตัวละครโจทย์และจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี จำลเยตัวจริงไม่มีชื่อในคดีฟ้อง วอนขอความเป็นธรรมเพราะกลัวเรื่องเงียบหายเข้ากลีบเมฆ เกรงคนผิดลอยนวล
ล่าสุด นางยุวดี หัสดี ข้าราชการบำนาญ อดีตครูชำนาญการพิเศษ วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม ได้เข้าองเรียนต่อสื่อมวลชน โดยมีการนำหนังสือและเอกสารประกอบการยื่นเรื่องร้องเรียน นางกษมา ประสงค์เจริญ ผอ.วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ในการรับงานการแสดงนาฏศิลป์ ที่ไม่ชอบด้วยระเบียบเงินรายได้จากการบริการวิชาการ พ.ศ. 2553 ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ต่อสำนักงาน ป.ป.ช.และ ป.ป.ท.ตั้งแต่ปี 2561

นางยุวดี หัสดี อดีตครูชำนาญการพิเศษ วิทยาลัยนาฏศิลปะเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เรื่องการทุจริตก่อเค้าเกิดขึ้นเมื่อปี 2560 ตั้งแต่การแสดงนาฏศิลป์และการละเล่นพื้นบ้าน เนื่องในงาน 6 ทศวรรษยาตราเมืองแพร่ ระหว่างวันที่ 15-17 มีนาคม 2560 ที่จังหวัดแพร่ ได้มีมีการเบิกจ่ายเงิน 150,000 บาท สำหรับนักเรียนผู้แสดงและครู จำนวน 100 คน ทั้งที่ไปจริงแค่ประมาณ 74 คน หลายคนที่ไม่ได้ไปร่วมงานกลับมีชื่อและลายเซ็น ระบุว่ารับเงิน บางคนมีรายชื่อซ้ำในเอกสาร ส่อเค้าการทุจริตอย่าชัดเจน ซึ่งมีการนำเด็กนักเรียนหลายคนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ท.ประกิจ ผัดขัน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองแพร่ เพื่อให้ทำเรื่องส่งฟ้อง ผอ.วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
ต่อมาปี 2561 วิทยาลัยนาฏศิลปะเชียงใหม่ ได้รับการติดต่อจากคณะศิลปะนาฎดุริยางค์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ติดต่อให้ไป ไปจัดการแสดงนาฏศิลป์ ในการพิธีเปิด โครงการไอคอนสยาม เมื่อวันที่ 9-11 พฤศจิกายน 2561 โดยได้มีข้อสังเกตที่ได้ปฏิบัติโดยไม่ชอบต่อระเบียบ โดยการรับเงินค่าตอบแทนที่ให้ นักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ เป็นผู้รับค่าตอบแทน โดยผู้บริหารเป็นคนให้นักศึกษา 2 คนไปเปิดบัญชี ธนาคารกรุงไทย เพื่อรับค่าตอบแทน แต่ปรากฏว่า เมื่อปฏิบัติงานเสร็จ นักศึกษาได้รับค่าตอบแทนเป็นเช็ค ธนาคารกสิกรไทย คนละ 285,000 บาท เมื่อนักศึกษาพร้อมคณะ กลับมาถึงวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 ได้มีครูพานักศึกษา 2 คน ไปเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย เพื่อนำเช็คที่ได้รับ มาเข้าบัญชีแล้วถอนออกมาทั้งหมด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 570,000 บาท ก่อนจ่ายเงินให้กับผู้ปฏิบัติงาน ทั้งหมดกว่า 40 คน คนละ 5,000 บาท และเพิ่มเงินพิเศษให้อีกคนละ 500 บาท รวมเป็นคนละ 5,500 บาท

ตนจึงตั้งข้อสังเกตว่า เงินส่วนที่เหลือไปอยู่ที่ไหน และการนำนักศึกษาไปเปิดบัญชีรับเงิน ส่อไปในทางที่ไม่โปร่งใส ซึ่งอาจเข้าข่าวเป็นการฟอกเงินโดยผิดกฎหมาย และตามระเบียบจะต้องนำเงินจำนวน 570,000 บาท ส่งเงินรายได้การบริหารวิชาการของวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 28,500 บาท โดยทันที
แต่จากการตรวจสอบพบว่า มีการส่งเงินรายได้การบริหารวิชาการของวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 หลังจากรับการแสดงแล้วถึง 4 ปี จึงนำไปสู่การร้องเรียน ต่อ ป.ป.ช. และ ป.ป.ท.เข้าตรวจสอบ ซึ่งต้องการตรวจสอบข้อมูลล่าสุด มีการลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อมูล และอยู่ในขั้นตอนกระบวนการพิจรณาเรื่องที่เกิดขึ้น ล่าสุดทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ยังอยู่ในขั้นตอนของสำนักงานอัยการชี้ขาด

ทั้งนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมานางยุวดี ได้ติดตามเรื่องของคดีมาโดยตลอดในหลายหน่วยงาน และเคยไปขอความเป็นธรรมในการพิจารณาคดีกับทาง ตำรวจภูธรภาค 5 เมื่อปี 2564 และมีหนังสือส่งกลับมาว่า กรณีให้แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 5 ไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดท ซึ่งเป็นสำนวนการสอบสวนของสถานีตำรวจภูธรเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ที่ 603/2563 คดีระหว่าง นายนฤนาถ ปัญญาศิลป์ เป็นผู้กล่าวหา กับนางวีณา สีทา เป็นผู้ต้องหาที่ 1 และ นางเพียงแข จิตรทอง เป็นผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด นั้น ตนเกิดความสงสัยว่าเหตุใดจึงมีชื่อของนายนฤนาถ ปัญญาศิลป์ เป็นโจทย์ฟ้องซึ่งเป็นไอ้โม่งที่ตนไม่รู้จัก อีกทั้งชื่อของคนที่ฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 1 น่าจะเป็นการฟ้องต่อ นางกษมา ประสงค์เจริญ ผอ.วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ กลับไม่มีในสำนวน แต่กลายเป็นชื่อคนอื่นแทน จึงอยากให้รื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่ และขอความเป็นธรรมในการพิจารณษคดีอย่างตรงไปตรงมา เพราะหลายปีไม่มีความคืบหน้า อีกทั้ง ผอ.ท่านนี้ มาดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2553 หรือเป็น ผอ.ที่นี่มา 3 สมัยแล้ว โดยส่วนตัวไม่มีความขัดแย้งกับทาง ผอ.ท่านนี้แต่อย่างใด แต่ต้องการเรียกร้องความถูกต้องเท่านั้น แม้ตนจะเกษียณไปแล้วก็ตาม








ร่วมแสดงความคิดเห็น