ป.ป.ส.ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการ โครงการร้อยใจรักษ์ ครั้งที่ 1/2566

ป.ป.ส.ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการ โครงการร้อยใจรักษ์ ครั้งที่ 1/2566 ติดตามการแก้ปัญหายาเสพติด อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

วันที่ 29 มีนาคม 2566 เวลา 13.30 น. นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) มอบหมายให้ นายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินงานระดับพื้นที่ โครงการร้อยใจรักษ์ ครั้งที่ 1/2566 โดยมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์/ประคณะอนุกรรมการการดำเนินงานระดับพื้นที่ โครงการร้อยใจรักษ์ เป็นประธานการประชุม มี พล.อ.อ.สมคิด สุขบาง กรมวังผู้ใหญ่ประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา นายบุญชอบ สุทธมนัสวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผู้อำนวยการ ป.ป.ส.ภ. 5 และคณะอนุกรรมการรวม 40 คน เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการติดตามการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง “ศาสตร์พระราชา ตำราแม่ฟ้าหลวง” ในพื้นที่โครงการร้อยใจรักษ์ พื้นที่ลุ่มน้ำห้วยเมืองงาม อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ พื้นที่รวมประมาณ 37,119 ไร่ ครอบคลุม 4 หมู่บ้านหลัก ได้แก่ บ้านเมืองงามเหนือ บ้านห้วยส้าน บ้านหัวเมืองงาม และบ้านเมืองงามใต้ และ 20 หมู่บ้านย่อยในตำบลท่าตอน รวมประชากร 1,159 ครัวเรือน

โดย สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รายงานถึงสถานการณ์ยาเสพติดในพื้นที่โครงการร้อยใจรักษ์ และพื้นที่ต่อเนื่อง พบว่า ในปีงบประมาณ 2566 (1 ต.ค. 2565 – ปัจจุบัน) สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนถึงปัจจุบันได้ทั้งสิ้น 207 คดี ผู้ต้องหาจำนวน 202 ราย โดยเป็นข้อหาการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดจำนวน 79 คดี คิดเป็นร้อยละ 39 และสามารถตรวจยึดของกลางยาเสพติด ประกอบด้วย ยาบ้าจำนวน 1,526,609 เม็ด ไอซ์จำนวน 71.75 กิโลกรัม เฮโรอีน 33.48 กรัม และฝิ่นดิบจำนวน 71.8 กรัม

ด้านการบำบัดรักษา ในพื้นที่อำเภอแม่อาย มีผู้เสพยังคงอยู่ในระบบการบำบัดรักษา จำนวน 224 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยรายใหม่ในปี 2566 จำนวน 33 ราย หรือร้อยละ 14 ยาเสพติดที่แพร่ระบาดในพื้นที่ได้แก่ เฮโรอีนและฝิ่นในจำนวนเท่ากัน ที่ร้อยละ 34.92 และยาบ้าอีกร้อยละ 32.59

โดยปัญหาการลักลอบลำเลียงตามแนวชายแดน อำเภอแม่อาย และอำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย พบกลุ่มคนไทยที่เป็นผู้ประสานงานและหลบหนีอยู่กับชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น ซึ่งต้องเผ้าระวังควบคู่กับ ปัญหาการใช้เฮโรอีนและฝิ่นที่ยังมีสัดส่วนการใช้สูง ซึ่งต้องติดตามการบำบัดรักษาและส่งเสริมการประกอบอาชีพ ตามแนวทางของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง เพื่อสร้างทางเลือกที่ยั่งยืนให้แก่ผู้เข้ารับการบำบัด

เพื่อตอบรับการเฝ้าระวังปัญหาการลักลอบลำเลียงตามแนวชายแดน สำนักงาน ป.ป.ส. ได้นำเสนอความคืบหน้าโครงการติดตั้งเทคโนโลยีกล้องเฝ้าตรวจยาเสพติดแนวชายแดน รวมทั้งสิ้น 504 รายการ ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิด รวมถึงกล้องอ่านป้ายทะเบียนอัตโนมัติ ที่ดำเนินการติดตั้งตามแนวชายแดน เชื่อมต่อด้วยระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ต เพื่อเฝ้าระวังปัญหาการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดน เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ

โดยที่ประชุมได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมบูรณาการทำงาน ในพื้นที่โครงการร้อยใจรักษ์ และโครงการพระราชดำริ ในการดูแลของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ซึ่งพื้นที่ชายแดนภาคเหนือ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ที่จะส่งผลต่อสถานการณ์ยาเสพติดในประเทศ ดังนั้น การป้องกัน ปราบปราม ควบคู่กับการบำบัดรักษา สร้างอาชีพ ตามแนวทาง “ศาสตร์พระราชา ตำราแม่ฟ้าหลวง” จำเป็นต้องร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในพื้นที่ ให้เขาเห็นว่าเขามีทางเลือกในชีวิตที่ดีกว่า และยั่งยืนกว่า การลักลอบทำผิดกฎหมาย

ร่วมแสดงความคิดเห็น