เชียงราย ตำรวจซ้อนแผน ปล่อยผู้ต้องหา ชาวจีนหลบหนีเข้าเมือง

เชียงราย ตำรวจซ้อนแผนอ้างเป็นเลขารอง ผบ.ตร. หอบเงิน 8 แสนติดสินบน ขอให้ปล่อยผู้ต้องหา ชาวจีนหลบหนีเข้าเมือง

เวลา 22.30 น.วันที่ 19 พ.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจด่าน ตม.เชียงแสน เจ้าหน้าที่งานสืบสวน สภ.เชียงแสน ภายใต้การอำนวยการของ ว่าที่ พ.ต.อ.ชินกร อัศวภูมิ ผกก.ด่าน ตม.เชียงแสน พ.ต.อ.ถนัด ชุ่มมะโน ผกก.สภ. เชียงแสน สั่งการให้ ชุดสืบสวนปราบปราม ด่าน ตม.เชียแสน บูรณาการร่วมกับ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานสืบสวน สภ.เชียงแสน ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายสุนฉ่าย (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาว ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียง ใหม่ นายพีระพล (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาวแขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ น.ส.ธัฐธิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ชาว ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี นายรัชต์ธพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ชาว ต.เมืองแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วยของกลาง เงินสด จำนวน 800,000 บาท ในข้อหา “ร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการให้ทรัพย์สิน เพื่อจูงใจให้ปล่อยตัวหรือเปลี่ยนข้อหา ก็ล้วนแต่เป็นการจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่” ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144

โดยนายรัชต์ธพงศ์ ได้ถูกแจ้งข้อหา แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงาน มาตรา 145 และ ข้อหา”มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาต”

โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ สืบเนื่องจากการจับกุมต่างด้าวชาวจีน จำนวน 4 คน พร้อมคนนำพา 1 คน เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 พ.ค.66 ที่ผ่านมา หลังจากมีการจับกุมแล้ว ได้มีการติดต่อประสานงานเข้ามายังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพื่อเสนอเงินจำนวน 800,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมด โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำหน้าที่เป็นเลขา ของรอง ผบ.ตร.ท่านหนึ่ง

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ซ้อนแผน ให้ผู้ที่ประสานงานนำเงินจำนวน 800,000 บาท ที่จะใช้เป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่ มาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ ที่ สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย

เมื่อถึงเวลานัดหมาย ทั้ง 4 คนได้เดินทางมาที่ สภเชียงแสน พร้อมกับนำเงินสดมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหาชาวจีนทั้ง 4 คน และผู้นำพา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวเอาไว้ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา โดยนายรัชต์ธพงศ์ ได้อ้างว่าตนเอง เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและปฏิบัติงานเป็นเลขาของ รอง ผบ.ตร.ท่านหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีรายชื่อเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่มีความเกี่ยวเนื่อง กับ รอง ผบ.ตร.ที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัว พร้อมของกลางวิทยุสื่อสาร ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ร่วมแสดงความคิดเห็น