ลอยกระทง เป็นเทศกาลสำคัญในประเทศไทยที่จัดขึ้นในคืนวันเพ็ญเดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย ซึ่งมักตรงกับเดือนพฤศจิกายนของทุกปี จุดประสงค์ของการลอยกระทงก็เพื่อ ขอขมาและแสดงความเคารพต่อพระแม่คงคา เนื่องจากน้ำเป็นทรัพยากรสำคัญที่มนุษย์ใช้ในการดำรงชีวิต การลอยกระทงจึงเป็นวิธีแสดงความขอบคุณและขอขมาต่อการใช้หรือทำลายทรัพยากรน้ำ แต่ในทางกลับกัน การลอยกระทงกลับส่งผลเสียต่อแม่น้ำมากกว่าส่งผลดี
วัสดุในการทำกระทงนั้นมีมากมายอย่างเช่น กระทงที่ทำจากต้นกล้วย ใบตอง กะลามะพร้าว (ใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 14 วัน), กระทงที่ทำจากโคนไอศกรีม หรือกรวยไอติม (ใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 3 วัน), กระทงที่ทำจากขนมปัง (ใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 3 วัน) อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระทงในบางวัสดุจะย่อยสลายได้ไว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ส่งผลเสียต่อแม่น้ำ เพราะการจัดเก็บกระทงที่ไม่ครอบคลุมทำให้การลอยกระทงสร้างมลพิษทางน้ำ และ ทำลายระบบนิเวศต่อปลา และเมื่อกระทงถูกพัดไปถึงชายฝั่งทะเลก็จะกลายเป็นขยะพิษต่อสัตว์ทะเล
“ขนมปัง” วัสดุที่คนส่วนใหญ่คิดว่าปลอดภัยต่อระบบนิเวศที่สุด เพราะเมื่อลอยไปแล้วสามารถเป็นอาหารให้กลับปลาได้ ในทางกลับกันอาจมีผลเสียมากกว่าที่คิด เมื่อเทียบเคียงกับวัสดุทั้งหมด ขนมปังถือเป็นวัสดุที่จัดเก็บยากที่สุด เพราะเมื่อลอยน้ำไปสักพักขนมปังจะเปื่อยยุ่ยและจมลงสู่แม่น้ำก่อนที่ปลาจะกิน สุดท้ายการลอยกระทงด้วยขนมปังก็คือการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยทิ้งขยะลงแม่น้ำอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อขนมปัง ผัก ผลไม้ ใบตอง ในน้ำมีมากเกินกว่าที่สัตว์น้ำจะกินได้ อาหารเหล่านี้จะเน่าเสียจนทำให้ออกซิเจนในน้ำลดต่ำลง ระบบนิเวศจะเสียหายจนยากที่จะกลับมาฟื้นฟูได้ ขนมปังเป็นอาหารโปรดของปลากินพืช แต่ปลาในแม่น้ำทุกชนิดไม่ไช่ปลากินพืช แต่มีปลากินเนื้อรวมอยู่ด้วย และกระทงขนมปังจะส่งผลกระทบร้ายแรงที่สุดเมื่อในแหล่งน้ำนั้นไม่มีปลากินพืชอาศัยอยู่
ท้ายที่สุดการลอยกระทงด้วยวิธีที่ยังรักษาสิ่งแวดล้อมอยู่ อาจจะเป็นการที่ไม่ลอยกระทงเลย โดยนายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวเปิดโครงการเก็บกระทง, ขยะ และ เศษซาก ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 โดยล่าวว่าเจ้าหน้าที่ได้เก็บเอากระทง, ขยะ และ เศษซาก ขึ้นมาได้ 25 ตัน น้อยกว่าปีที่แล้ว 25% ในกรุงเทพขยะถูกจัดการไปแล้วในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567 โดยมีจำนวนกระทงทั้งหมด 514,590 น้อยกว่าปีก่อน 20% สะท้อนให้เห็นว่าเทรนด์การลอยกระทงของคนไทยมีนั้นลดจำนวนลง
ข้อมูลจากบริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2566 ที่สำรวจประเด็นการยกเลิกวันลอยกระทง พบว่าความเห็นนั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่ม ที่สนับสนุนให้ยกเลิกวันลอยกระทง มียอดการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น กดไลก์ กดแชร์มากกว่า 545,000 เอนเกจเมนต์ และ กลุ่มที่สนับสนุนให้มีการลอยกระทงต่อไป มียอดการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น กดไลก์ กดแชร์ 5,600 เอนเกจเมนต์
โดยกลุ่มที่สนับสนุนให้ยกเลิกวันลอยกระทงแบ่งเหตุผลหลักๆออกได้เป็น 3 เหตุผลคือ
1. มองว่าการลอยกระทงเป็นการสร้างขยะให้แก่ธรรมชาติ ทำลายสิ่งแวดล้อม และสร้างภาระให้กับเจ้าหน้าที่
2. การลอยกระทงทำให้เกิดมลพิษทางเสียง เช่น เสียงดังของพลุ, ดอกไม้ไฟ และประทัด
3. ด้านความปลอดภัย เพราะมีการยิงปืนขึ้นบ่อยในเทศกาลลอยกระทง
ส่วน เหตุผลของกลุ่มคนที่ต้องการให้มีการจัดงานลอยกระทงต่อไปแบ่งออกได้ไปเป็น 3 เหตุผลหลักคือ
1. การลอยกระทงเป็นการรักษาวัฒนธรรมไทย และเป็น Soft Power ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
2. การลอยกระทงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้เงินหมุนเวียน
3. หลายคนมองว่ามารทิ้งขยะลงแม่น้ำทุกวันอยู่แล้ว เทศกาลลอยกระทงถูกจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวของปี และมีหน่วยงานต่างๆช่วยกำจัดขยะอยู่แล้ว
เทศกาลลอยกระทงเป็นเทศกาลที่มีมาอย่างยาวนาน ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น ในขณะเดียวกัน ประเพณีนี้ก็เป็นต้นเหตุในการทำลายสิ่งแวดล้อม จึงทำให้เราต้องมาทบทวนกันดูใหม่ว่า รายได้จากประเพณีนี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะหรือไม่ เงินที่ได้จากเทศกาลนี้คุ้มกับสิ่งแวดล้อมที่เสียไปไหม ในยุคสมัยนี้ควรจะต้องมีวิธีการลอยกระทงหรือวัสดุในการทำกระทงที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาทดแทนการลอยกระทงแบบเดิมแล้วหรือไม่ หรือการไม่ลอยกระทงอาจเป็นทางเลือกสุดท้ายที่สามารถรักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีที่สุด
ที่มา:
Bangkok Post – https://www.bangkokpost.com/thailand/general/2904816/chiang-mai-krathong-waste-drops-25-
WISESIGHT – https://wisesight.com/news/loykratong2023/
Thai PBS – https://www.thaipbs.or.th/news/content/321263
กรุงเทพธุรกิจ – https://www.bangkokbiznews.com/environment/1100553
ร่วมแสดงความคิดเห็น