สาว LGBTQ ขอความช่วยเหลือเอมมี่ทีมอาสาและสื่อ หลังถูกหนุ่มอดีตเคยมีความสัมพันธ์ ตามตอแยแต่ไม่สมหวัง บุกค้นหอพักทำร้ายร่างกาย หน้าตาฟกช้ำเจ็บปางตาย แถมบังคับขึ้นรถไปทุบตีขืนใจกลางป่า ล่าสุดเดินทางเข้าแจ้งความตำรวจติดตามตัวคนก่อเหตุ
ช่วงสายวันนี้ (21 ก.ค.68) ทางกลุ่มเอมมี่ทีมอาสาพาผู้เสียหายเป็นสาวประเภทสอง รายหนึ่งเข้ามาแจ้งความและให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ จากกรณีที่ทางเจ้าตัวถูกชายที่เคยมีความสัมพันธ์ผ่านแอปฯ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลและรอยฟกช้ำทั้งตามลำตัวและใบหน้าหลายแห่ง อีกทั้งยังถูกข่มขู่ และขืนใจ แทบปางตายจนต้องยกมือไหว้อ้อนวอนขอชีวิต โดยที่เหตุกาณร์ดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงกลางดึกเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 18 ก.ค.68 ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เจ้าตัวยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์นี้ และตัดสินใจแจ้งขอความช่วยเหลือกับทางเอมมี่ทีมอาสาพา
ขณะที่ต่อมา หลังจากการเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ปากคำ น้องเบลล์ (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายร่างกาย ได้ให้สัมภาษณ์กับทางผู้สื่อข่าวว่า ช่วฃกลางดึกของคืนดังกล่าว ชายผู้ก่อเหตุได้เข้ามาที่หอพักและได้เข้ามาทำร้ายและขืนใจ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน โดยผู้ก่อเหตุได้ทำร้ายทั้งการจิกหัวและต่อย ตบตีเข้าที่ใบหน้า อีกทั้งยังได้ใช้ขวดเบียร์ฟาดเข้าที่บริเวณศีรษะ นอกจากนี้ยังข่ขู่ด้วยการใช้ขวดเบียร์ที่ทุบแตกเป็นฟันปากฉลามจี้แทงคอ และบีบคอจนเกือบปางตาย
หลังจากที่ชายคนก่อเหตุทำร้ายร่างตนที่ห้องพักจนบาดเจ็บในคืนนั้นยังได้ขู่บังคับตนขึ้นรถเพื่อพาไปทำร้ายร่างกายกลางป่าในย่าน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ โดยชายคนก่อเหตุได้ทำการยึดโทรศัพท์ของตนเพื่อไม่ให้ติดต่อใครได้ แล้วได้ใช้ไม้ฟาดศีรษะ และขา ทำร้ายร่างกายต่อทั้งเอาเท้าเหยียบคอ ก่อนที่จะขู่ให้ตนถอดเสื้อ โดยตอนนัันตนก็ยอมทุกอย่าง แต่ชายผู้ก่อเหตุยังไม่ไม่พอใจ และได้พากลับมาที่ห้องอีกครั้ง ก่อนที่จะพยายามขืนใจทั้งๆ ที่ตนบาดเจ็บสาหัส
จนกระทั่งช่วงเช้าชายผู้ก่อเหตุเริ่มมีอาการสร่างเมาพูดจาดีขึ้น แต่ก็พยายามที่จะอ้อนวอนขอให้ตนอยู่ด้วยกัน และไม่อยากให้ไปพบเจอกับใคร อีกทั้งมีการวางแผนต่างๆ เพื่อที่จะไม่ให้ใครรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น และได้บอกกับผู้เสียหายเพียงว่า “ไม่รู้ตัวทำอะไรไป ยังกลัวตัวเองเลยที่ทำไปแบบนั้น“
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุจนกระทั่งถึงตอนนี้ ตนยังรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือกับทางกลุ่มเอมมี่ทีมอาสา และได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตํารวจ โดยตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะตนบาดเจ็บแทบปางตาย จากการกระทำของชายคนดังกล่าวที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน และรู้จักกับแค่ผิวเผินผ่านแอปฯ แต่ต่อมาชายคนนี้กลับอยากให้ตนเป็นแฟนจริงๆ และพยายามตามมาวอแว
นอกจากนี้จากที่คุยกันมา 2 เดือนกว่า ชายคนนี้ก็ยังคงมาก่อกวนตลอด บางครั้งก็แอบเข้ามาภายในห้องซึ่งคาดว่าน่าจะแอบเอากุญแจไปทำสำรองจึงสามารถแอบเข้าห้องได้ ก่อนจะเกิดเหตุการณ์หนักสุดในคืนดังกล่าว โดยคืนนั้นตนได้นั่งดื่มเบียร์กับเพื่อนอยู่ภายในห้อง แต่ชายผู้ก่อเหตุก็นำกุญแจที่แอบไปทำสำรองไว้เปิดเข้าห้องมา ทำให้เพื่อนของตนตกใจรวมถึงมีการใช้ถ้อยคำพูดจาข่มขู่ตนและเพื่อนจนออกจากห้องไป
หลังจากเพื่อนออกไป ชายคนดังกล่าวก็ทำร้ายร่างกายอย่างหนัก และไม่พอใจนำตัวออกไปทำร้ายร่างกายและทำการขืนใจอีกครั้ง อย่างไรก็ตามตนก็โชคดีที่สามารถหนีออกมาได้จากการแอบส่งข้อความให้ญาติโทรมาหาตน ส่วนกรณีที่ตัดสินใจนำเรื่องนี้มาเปิดเผยเพราะอยากจะเตือน เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่อยากมีความสัมพันธ์แต่ไม่อยากผูกพันและมีการนัดหมายผ่านแอพพลิเคชั่น และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก
ขณะที่ทางด้านเอมมี่ทีมอาสา ให้ข้อมูลว่า กรณีนี้เป็นอีกกรณีหนึ่งที่เป็นการทำร้ายร่างกายที่รุนแรงเป็นอย่างมาก จึงอยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า และข่มขืน เพราะพฤติกรรมที่ผู้ก่อเหตุได้กระทำลงไปนั้นมันเกินสิ่งที่มนุษย์จะทำได้ พร้อมกับยืนยันว่าจะให้การช่วยเหลือเคสนี้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ก็ต้องชื่นชมผู้เสียหายที่ยังมีสติสามารถเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุได้บ้าง หากน้องผู้เสียหายไม่มีสติ ก็อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้ทางผู้ก่อเหตุก็ยังไม่ได้ติดต่อมาพูดคุยกับทีมงานของตน ทราบแค่ว่ามีการติดต่อไปขอให้ผู้เสียหายทำการลบโพสต์และกลับมาคบกัน ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ในระหว่างการสืบสวนติดตามตัวชายผู้ก่อเหตุรายนี้เพื่อนำมานอบสวนและดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป









ร่วมแสดงความคิดเห็น