ชาวบ้าน ต.แม่ลอย หวั่นไร้ที่อยู่ หลังจาก สปก.ฟ้องศาลปกครอง ร้องสำนักงานที่ดิน อ.เทิง ออกโฉนดโดยไม่ชอบ โดนฟ้องแล้ว 5 ราย และจ่อคิวจะฟ้องอีกกว่า 50 ราย ถ้าแพ้คดีชาวบ้านที่เหลืออีก 1,000 กว่ารายมีหนาว
เวลา 09.00 น. วันที่ 30 มิ.ย. 65 ชาวบ้านในพื้นที่ ต.แม่ลอย อ.เทิง จ.เชียงราย ประมาณ 300 คน ได้มารวมตัวกันที่หอประชุม อบต.แม่ลอย เพื่อร่วมฟังการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ที่ดิน และ สปก. หลังจากมีชาวบ้านในพื้นที่ จำนวน 5 ราย ได้ถูกศาลปกครองเชียงใหม่ฟ้องร้อง ในเรื่องการรุกที่ในเขต สปก. โดยชาวบ้านรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะได้อยู่อาศัยมานานหลายรุ่น บางครอบครัวอยู่มานานนับ 100 ปี และได้มีการขอเอกสารสิทธิ์ตามกระบวนการทางกฏหมาย แต่กลับถูกฟ้องร้อง จึงมารวมตัวเพื่อฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่ และรับฟังข้อชี้แนะในการยื่นเอกสารชี้แจงให้กับทางศาล โดยมี น.ส.กฤษณา สมวุฒิ ปลัด อ.เทิง เป็นตัวแทน นอภ.เทิง และมีเจ้าหน้าที่ทั้งจาก สปก.เชียงราย สำนักงานที่ดินเชียงราย สาขาเทิง และได้รับการสนับสนุนสถานที่จาก อบต.แม่ลอย มีผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมรับฟังและนำเสนอปัญหาจำนวนมาก

ในการฟ้องร้องระหว่าง สปก. และสำนักงานที่ดิน อ.เทิง ในเบื้องต้นได้มีชาวบ้านจำนวน 5 ราย ที่ถูกฟ้องร้องเป็นคู่กรณีโดยกำหนดให้เป็นผู้ร้องสอด (คู่กรณีฝ่ายที่ 3) ได้แก่ นายประเสริฐ จันธิมา ม.13 นายคำ ค้าไหมคำ ม.4 นายปัน อุปการคำ ม.7 นางพันธ์ ค้าไหมคำ ม.4 และนางหมวงเชียง กุลนิมานนรดี ม.13 ซึ่งทั้ง 5 ราย มีเอกสารสิทธิ์เป็นโฉนดที่ดินที่ออกโดยสำนักงานที่ดิน อ.เทิง และยืนยันว่าอยู่มานานตั้งแต่ยุคบุกเบิกพื้นที่ โดยชาวบ้านบอกว่ารู้สึกตกใจ ที่อยู่ๆได้รับเอกสารฟ้องร้องจากศาลปกครอง ซึ่งหากศาลปกครองตัดสินว่าสำนักงานที่ดินแพ้คดี และให้ยึดที่ดินเป็นของ สปก. ก็จะเป็นบรรทัดฐานให้กับ สปก.ยื่นฟ้องชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะมีชาวบ้านได้รับผลกระทบจากการฟ้องร้องในครั้งนี้ มากกว่า 1,000 ราย จากประชากรทั้งหมดประมาณ 2,000 กว่าราย
นางฟองจันทร์ พิกุล อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 76 ม.7 บ.เกี๋ยงกลาง ต.แม่ลอย อ.เทิง จ.เชียงราย เล่าว่า วันนี้ตนมาเป็นตัวแทนของนายปัน อุปการคำ อายุ 84 ปี ซึ่งเป็นพ่อ และเป็นหนึ่งในผู้ถูกฟ้องร้อง แต่เดิมบ้านที่อยู่อาศัยปัจจุบัน เป็นเอกสาร นส.3 เราเลยไปยื่นขอเป็นโฉนดกับสำนักงานที่ดิน อ.เทิง แต่ภายหลังทาง สปก. เขาฟ้องร้องสำนักงานที่ดินเทิงว่า ออกโฉนดใหัโดยไม่ชอบ ทาง สปก.อ้างว่าเป็นพื้นที่ป่า แต่เราอาศัยอยู่ตรงที่ดินนั้นมานานก่อนรุ่นพ่ออีก นับดูแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ปี แต่เขาว่าออกโฉนดให้ไม่ได้มันเป็นป่า เราก็ข้องใจที่เขาจะยกเลิก วันนี้อยากจะมาฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่

นายธนาวุฒิ กาชัย นายก อบต.แม่ลอย กล่าวว่า ปัญหาตอนนี้คือเจ้าของที่ดินได้รับหมายศาลจากศาลปกครอง จ.เชียงใหม่ ชาวบ้านก็ไม่รู้เรื่องในส่วนของการฟ้องร้อง การสู้ต่างคดีก็ไม่ได้ไปด้วยตนเอง เป็นการฟ้องกันระหว่างหน่วยงานรัฐคือ สปก. ฟ้อง สำนักงานที่ดิน จ.เชียงราย สาขาเทิง ชาวบ้านกลัวว่าหากการต่อสู้คดีเกิดแพ้ขึ้นมา จากโฉนดก็จะกลายเป็น สปก. ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาอีกหลายๆอย่าง เช่น ที่ดินบางแปลงก็ไปติดจำนอง จำนำ กับธนาคาร ก็จะมีปัญหาตามมา ดังนั้นการแก้ต่างในชั้นศาลก็ต้องฝากความหวังไว้กับสำนักงานที่ดิน อ.เทิง ที่จะต้องไปต่อสู้คดีให้กับชาวบ้านทั้ง 5 คน
ด้านนายสมบูรณ์ ชูเชิด รักษาการเจ้าพนักงานที่ดิน จ.เชียงราย สาขาเทิง กล่าวว่า ประเด็นที่สำนักงานที่ดินถูกฟ้องก็คือ ที่ดินออกโฉนดที่ดินจากเอกสาร นส.3ก แต่ปรากฏว่าที่ดินอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน สำนักงานที่ดินก็ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมที่ดิน กับสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ สปก. ทาง สปก.ก็ได้คัดค้านในเรื่องเอกสารเดิมออกโดยไม่ชอบ ก็เลยขอคัดค้านการออกโฉนด และขอให้ทางที่ดินเพิกถอนการออกสารสิทธิ์ ในส่วนที่โดนฟ้องทางสำนักงานที่ดิน ก็กำลังให้การแก้ต่างไปทางศาลปกครองเชียงใหม่แล้ว โดยเราจะไปต่อสู้ในเรื่องการครอบครองมาก่อนที่กฏหมายจะใช้บังคับ ชาวบ้านอยู่มาก่อนหน้าที่กฏหมายเขตป่าไม้ถาวร หรือ สปก. จะเข้ามา ส่วนที่ดินที่ไม่มีข้อพิพาททางด้านศาล ก็ยังมีผลทางกฏหมายเหมือนเดิม

ด้านนายธีรวุฒิ สมปัญญา ผอ.นิติกรชำนาญการ สปก.เชียงราย เผยว่า วันนี้ในส่วนของกระบวนการของทาง สปก. สืบเนื่องมาจากมีชาวบ้านได้นำเอาเอกสาร นส.3 ไปขอออกโฉนดที่ดิน แต่ สปก.ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐ มีหน้าที่เูแลที่ของรัฐเหมือนกัน เรามีความเห็นว่า นส.3ก นี้น่าจะออกโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย ดังนั้นเราจึงได้คัดค้านการออกโฉนดไปที่สำนักงานที่ดิน รวมทั้งขอให้เพิกถอน นส.3 ดังกล่าว ทาง สปก.ส่วนกลาง ได้ดำเนินการฟ้องคดีกับที่ดินเพื่อขอให้เพิกถอน นส.3 ซึ่งต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงในชั้นศาล ว่าศาลจะรับฟังคำฟ้องของ สปก. และคำให้การของสำนักงานที่ดินว่ายังไง ถ้าศาลเห็นว่า นส.3 ได้มาโดยไม่ชอบ ที่ดินตรงนี้ก็จะกลับมาเป็นของ สปก. ทางสปก.ก็จะต้องมีหน้าที่นำมาจัดสรรให้กับทางเกษตรกรต่อไป ตอนนี้ต้องรอดูการดำเนินการของกระบวนการศาลก่อน เพราะตอนนี้เป็นการติดตามข้อกฏหมายที่แตกต่างกันระหว่างหน่วยงาน วันนี้ไม่ใช่เป็นส่วนของคดีอาญาหรือคดีแพ่ง ไม่ได้มีการเรียกค่าเสียหาย แต่เป็นการตรวจสอบว่า นส.3 ที่ออกมาโดยสำนักงานที่ดิน เป็นการออกโดยชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ ซึ่งที่ศาลได้มีคำสั่งเรียกชาวบ้านเข้าไปด้วย ก็เพื่อจะได้รับฟังข้อเท็จจริง ชาวบ้านก็จะได้ยื่นข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้าน เพื่อจะให้ศาลพิพากษาได้ ถือเป็นโอกาสดีในการนำเสนอข้อเท็จจริงไปให้ศาลพิจารณา ชาวบ้านก็ควรต้องไปประสานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินที่เป็นผู้ออกเอกสาร นส.3 ให้

นายชัยสิทธิ์ ชัยเนตร เลขาธิการ ส.ส.เชียงราย เขต 4 ตั้งข้อสงสัยถึงการเดินรังวัดที่ดินของสำนักงานที่ดิน อ.เทิง เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 63 ที่ดินได้นำเจ้าหน้าที่ออกมารังวัด และมีการเก็บเงินค่ารังวัดไป ทั้งที่ทราบว่าเป็นเขตป่าถาวร และไม่สามารถออกโฉนดได้ แล้วทำไมถึงออกมารังวัด แล้วเงินค่ารังวัดดังกล่าวไปอยู่ไหน โดยได้ทำเอกสารยื่นสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ที่ดิน ให้ไปตรวจสอบเพื่อคลายข้อสงสัย
จากการพูดคุยร่วมกันของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ ได้ข้อสรุปว่า ต้องรอความชัดเจนของกระบวนการทางศาล หากศาลปกครองชี้ว่าสำนักงานที่ดินออกโฉนดโดยไม่ชอบ และให้ยึดคืนเป็นที่ของ สปก. ทางสำนักงาน สปก.ก็จะไปพิจารณาจัดสรรที่ดินดังกล่าวให้กับเกษตรกร โดยจะพิจารณาจากเจ้าของที่ดินรายเดิมก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งการพิจารณาช่วยเหลือจะเกิดขึ้นหลังจากสิ้นสุดกระบวนการทางศาลแล้ว
















ร่วมแสดงความคิดเห็น