(มีคลิป) ประเพณี “โล้ชิงช้า” ระลึกเทพธิดาผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์

YouTube video

“โล้ชิงช้า” ประเพณีชาวอาข่า เพื่อระลึกถึงเทพธิดาผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พืชผล

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 65 มีเทศกาล ”โล้ชิงช้า” ของชาวชนชาติพันธุ์อาข่าบ้านอยู่สูข หมู่ที่ 10 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย เป็นพิธีที่จัดขึ้นช่วงเดือน 10 เป็นช่วงที่ชาวบ้านเก็บเกี่ยวผลผลิตไร่นาสวน ชาวอาข่าคนแก่คนเฒ่า หนุ่มสาว ตลอดจนเด็กๆ จะแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่า ที่มีเครื่องประดับที่มีเอกลักษณ์สวยงาม ออกจากบ้านไปรวมตัวกันที่ลานกิจกรรมกลางหมู่บ้าน (ลานสาวกอด) เพื่อประกอบอาหารเครื่องดื่ม รวมทั้งอาหารพื้นถิ่นเช่นขนมที่ทำจากข้าวเหนียวใหม่นึ่งแล้วตำให้ละเอียดรับประทานกับน้ำตาลถั่วงา หลังรับประทานอาหารก็จะเต้นรำ และโล้ชิงช้า ซึ่งเป็นกิจกรรมที่หนุ่มสาวใช้โอกาสนี้เกี้ยวพาจับคู่ที่ลานสาวกอด ส่วนเด็กๆ ก็จะเล่นของเล่นที่เด็กเล่นได้ เช่น ไม้กระดก ฯลฯ

นายกิตติพงษ์ ยูลี ผญบ.อยู่สุข เผยว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อเป็นการพิธีโล้ชิงช้า ซึ่งจะจัดในช่วงเดือนเดือน 10 เพื่อระลึกถึงเทพธิดาผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พืชผลที่กำลังงอกงาม ซึ่งจัดติดต่อกันมาทุกปี ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ทางอบต.สนับสนุนงบประมาณสมทบให้ เพื่อเป็นการสืบทอดประเพณีให้คนรุ่นหลังได้ปฏิบัติสืบทอดต่อไป โดยเสาชิงช้าทำจากต้นไม้เนื้อแข็งทั้งต้นและเชือกป่านที่เหนียวรับน้ำหนักได้ดี อีกอย่างเพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยววัฒนธรรม ซึ่งพื้นที่ อ.เวียงแก่น มีชนเผ่าชาติพันธุ์ที่หลากหลายถึง 9 ชนเผ่า เป็นจุดขาย นอกจากจุดชมวิวสวยๆ เช่นดอยผาตั้ง ดอยผาหม่น ภูชี้เดือน และภูชี้ดาว

ในงานนอกจากกิจกรรมของเผ่าอาข่า ยังมีชนเผ่าม้ง ไทใหญ่ คนเมือง นำการแสดงมาร่วมกิจกรรมด้วยช่วยสร้างความสนุกสนานให้กับชาวบ้าน รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวชม ซึ่งพิธีกรรมของอาข่ามีอยู่ด้วยกัน 9 พิธี ได้แก่ พิธีขึ้นปีใหม่ พิธีเกี่ยวกับการเกษตรก่อนลงมือทำไร่ พิธีทำประตูหมู่บ้าน พิธีบวงสรวงผีใหญ่ พิธีเลี้ยงผีบ่อน้ำ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชไร่ พิธีโล้ชิงช้าซึ่งจะจัดในช่วงเดือนเดือน 10 เพื่อระลึกถึงเทพธิดาผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พืชผลที่กำลัง ที่กำลังงอกงาม พิธีกินข้าวใหม่จัดขึ้นเพื่อฉลองรวงข้าวสุกและขอบคุณต่อผีไร่ (ทำให้หนุ่มสาวมีความใกล้ชิด) พิธีไล่ผีออกจากหมู่บ้าน พิธีเลี้ยงผีบรรพบุรุษ

ในอดีตชาวอาข่าหรืออีก้อ หรือข่าก้ออาศัยอยู่ในมณฑลยูนาน แคว้นสิบสองปันนา และไกวเจา เมื่อถูกรุกรานจึงทยอย กันอพยพลงใต้ ไปยังแคว้นเชียงตุง พม่า แคว้นหัวโขง และแคว้นพงสาลี ในลาว บ้านหินแตกปัจจุบันตั้งอยู่ในเขตของดอยแม่สะลอง จ.เชียงราย เมื่อกว่า 80 ปีมาแล้ว และกระจายไปตาม จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ตาก กำแพงเพชร แพร่ ลำปาง และเพชรบูรณ์ “อาข่า” เป็นชนเผ่า ที่สามารถสืบสาวรายนามบรรพบุรุษฝ่ายบิดาขึ้นไปถึงตัว “ต้นตระกูล” ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีการ ทั้งตำนาน สุภาษิต ได้เป็นอย่างดี อาข่า แปลว่า “อา” เป็นคำขึ้นต้นที่อาข่าใช้เรียกบุคคล “ข่า” แปลว่า ไกล-ห่างไกล มีความหมายว่า กลุ่มคนที่อาศัยอยู่บนดอยสูง ซึ่งห่าง ไกลจากความเจริญ และไม่ชอบให้เรียก อีก้อ ด้วยถือเป็นการดูถูกเหยียดหยาม ซึ่ง คำว่า อีก้อ แปลว่า หนึ่งคน หนึ่งกลุ่ม” นายกิตติพงษ์ ยูลี ผญบ.อยู่สุข กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น