จับอดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นรุกป่าสงวน

จับอีกรุกป่าสงวนแห่งชาติ เป็น อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นแห่งหนึ่ง อ้าง เข้ามาจับจองเพื่อปลูกพืชผลทางการเกษตร โดยขอนุญาติเข้าใช้พื้นที่ถูกต้องแล้ว แต่กลับพบว่ารุกล้ำป่าเข้าไปเกินกว่าที่แจ้งขอนุญาติ สุดท้ายยอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่คุมตัวดำเนินคดีตามกฏหมายทันที

ที่ทำการศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ อำเภอแม่เมาะจังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ตร.บก.ปทส. โดย การอำนวยการชอง พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปทส.สั่งการให้ พ.ต.ท.ยศวัฒน์ เอกกุล สว.กก.4 บก.ปทส.วางแผนชี้แจกขั้นตอนต่างๆก่อนที่จะเข้าไปตรวจสอบ กรณี ตำรวจ บก.ปทส.ได้รับการรองเรียนว่า มีอดีตนักการเมืองท้องถิ่น และอาจเป็นผู้มีอิทธิพล เข้าไปจับจองแผ้วถางป่าจนภูเขาเกือบจะกลายเป็นเขาหัวโล้นไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีการสร้างที่พักและรุกป่าเข้าไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เหตุเกิดในป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จางฝั่งซ้าย ท้ายหมู่บ้าน บ้านสบเติ๋น หมู่ 2 ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง

ในวันนี้จึงได้มีการสนธิกำลัง จากเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า DNP ลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ที่ 33 เชียงใหม่ ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบโดยทันทีซึ่งเส้นทางเข้าไปยังเป้าหมายค่อนข้างกันดาร ติดกับลำน้ำแม่จาง โดยเมื่อไปถึงกำลังเจ้าหน้าที่ได้กระจายปิดล้อมทั้งทางเข้าด้านหน้าและทางออกด้านหลัง เบื้องต้นสามารถควบคุมตัวคนงานที่ มารับจ้างถางหญ้าตัดฟืน ได้ 3 คน เป็นชาย 2 คนหญิง 1 คน ทั้งหมดให้การว่าเจ้าของดีดังกล่าวว่าจ้างให้มาถางหญ้าและลดน้ำต้นไม้ เท่านั้นโดยไม่รู้เรื่องอะไร จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ทั้ง 3 คน ติดต่อเจ้าของที่ที่ว่าจ้างให้นำเอกสารหลักฐานต่างๆมาพบเจ้าหน้าที่

ไม่นาน เจ้าของพื้นที่ดังกล่าวคือนายประยูร อายุ 48 ปีชาวบ้านในพื้นที่ ตำบลสบป้าด แห่งนี้ ก็เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ในจุดเกิดเหตุและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี นำพาชี้จุดที่ครอบครองพื้นที่ทั้งหมด โดยอ้างว่า ตนเองซื้อที่ดังกล่าวมาจากชาวบ้านในพื้นที่และได้เข้าร่วมโครงการร่วมโครงการรัฐโครงการหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้ามาทำกินในพื้นที่ ก่อนที่จะมีชาวบ้านเข้ามาขอแบ่งพื้นที่ที่ตนเองไปทำโครงการเพิ่ม ตนเองจึงได้ขยายพื้นที่ออกไปอีกจนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำเอกสารการร้องเรียน และพยานภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง ไปเมื่อปี 2545 พบว่ายังเป็นพื้นที่ป่าบริเวณกว้าง

พบว่าพึ่งเข้ามาบุกรุกแผ้วถางและก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเมื่อปี 2563 และภาพถ่ายปัจจุบันถูกบุกรุกแผ้วถางจากภาพถ่ายทางอากาศ มากกว่า 40 ไร่เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวเจ้าของที่ ไปทำการบันทึกสอบปากคำที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ อำเภอแม่เมาะจังหวัดลำปาง ส่วนชาวบ้านที่มารับจ้างลดน้ำต้นไม้และถางหญ้าเจ้าหน้าที่ได้กันให้เป็นพยาน ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบเทียบพิกัด แผนที่ดาวเทียม พบรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จางฝั่งซ้าย จริง 14 ไร่เศษ มูลค่าเสียภายทางภาครัฐ ประมาณ 1 ล้านบาท เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484


-มาตรา 54 ประกอบ 72 ตรี ฐาน “ร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง หรือกระทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”

  • มาตรา 55 ฐาน”ผู้ใดครอบครองป่าที่ได้ถูกแผ้วถางโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งมาตราก่อน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลนั้นเป็นผู้แผ้วถางป่านั้น”
    พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2559 นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่เมาะ จังหวัดลำปาง ตามขั้นตอนกฎหมายทันที

ร่วมแสดงความคิดเห็น