จนท.สนธิกำลัง ร่วมตรวจยึดไม้สักแปรรูป ที่บริเวณห้วยจิ๊จะ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ยวมฝั่งขวา
เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปราม ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียง นำโดย นายมิตร อุตมะ ผู้อำนวยการ ส่วนอนุรักษ์และป้องกันทรัพยากร พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจฯ และเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ยวมฝั่งขวา นำโดย นายศักดิ์สิทธิ์ บุตรอุดม หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ยวมฝั่งขวา จนท.ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแม่ลาน้อย ได้สนธิกำลังร่วมกันตรวจสอบตรวจยึดไม้สักแปรรูป ที่บริเวณห้วยจิ๊จะ ท้องที่บ้านแม่แลบ ตำบลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีพฤติการณ์แห่งคดี ดังนี้

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 เวลา 01.30 น. คณะเจ้าหน้าที่สายตรวจเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ยวมฝั่งขวา จำนวน 1 ชุด ได้ตรวจลาดตระเวนภายในพื้นที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงบริเวณลำห้วยจิ๊จะ ปรากฏได้ยินเสียงเครื่องเลื่อยโซ่ยนต์ดังมาจากลำห้วย จึงได้เข้าทำการลาดตระเวนตามเสียงเลื่อยโซ่ยนต์ พบชายกลุ่มหนึ่งกำลังทำการแปรรูปไม้ คณะเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม เมื่อชายกลุ่มดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่ จึงได้อาศัยความชำนาญในพื้นที่ประกอบกับความมืดวิ่งหลบหนี และทิ้งอุปกรณ์การกระทำผิดไว้ในที่เกิดเหตุ คณะเจ้าหน้าที่ได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นช่วงเวลากลางคืนไม่ปลอดภัย จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษที่ 16 สาขาแมสะเรียง เพื่อร่วมกันดักซุ่ม จนถึงเวลา 09.00 น. จึงได้ประสานพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแม่ลาน้อย มาทำการตรวจสอบและตรวจยึดร่วมกันในเวลา 13.00 น.
ผลการตรวจสอบที่บริเวณ พิกัด 47Q 382751E 2033140N พบตอไม้สัก จำนวน 1 ตอ ตรวจวัดขนาดความโต ประมาณ 283 เซนติเมตร พบกองไม้สักแปรรูปและเศษไม้ปลายไม้ ปีกไม้วางกระจายทั่วพื้นที่ จึงได้ทำการตรวจนับ วัดขนาด ไม้สักแปรรูป จำนวน 19 แผ่น/เหลี่ยม คิดเป็นปริมาตรรวม 0.51 ลบ.ม.และได้ตีประทับ ตรา ต 11164 และตรา ย 1702 ไว้ที่ไม้สักแปรรูปทุกแผ่น/เหลี่ยม ไว้เป็นหลักฐาน โดยคิดค่าเสียหายของรัฐพึงได้รับเป็นจำนวนเงิน 61,200 บาท คณะเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม้สักแปรรูปดังกล่าวเป็นไม้สักที่ถูกแปรรูปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ยวมฝั่งขวา และเห็นว่าการกระทำดังกล่าว มีความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ดังนี้

- ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 11 ประกอบมาตรา 73 ฐาน“ผู้ใด ทำไม้หรือเจาะหรือสับหรือเผาหรือทำอันตรายโดยประการใดๆแก่ไม้หวงห้ามในป่า ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงาน เจ้าหน้าที่” และมาตรา 48 ประกอบมาตรา73 ฐาน “ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ ตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยไม่ได้รับอนุญาต”
- ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31(6) ฐาน “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามมิให้ผู้ใดยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ เผาป่า ทำไม้ หรือกระทำด้วยประการ ใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่”
- ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 55 (5) ประกอบ มาตรา 100 ฐาน “นำออกไป กระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือทำให้เสื่อมสภาพซึ่งไม้หรือ ทรัพยากรธรรมชาติอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” ส่วน ไม้สักของกลางบางส่วนอันประกอบด้วย ไม้สักแปรรูป 1 แผ่น/เหลี่ยม ปริมาตร 0.24 ลบ.ม. และไม้สักท่อน 1 ท่อน ปริมาตร 1.60 ลบ.ม. ไม่สามารถขนย้ายออกจากที่เกิดเหตุได้เนื่องจากมีขนาดใหญ่ และไม่สะดวกต่อการขนย้าย หากเคลื่อนย้ายอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติได้ จึงได้ขออนุมัติ พนักงานสอบสวนทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ และนำเรื่องส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน้อย เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป








ร่วมแสดงความคิดเห็น