ชาวพุทธเชียงคำใส่บาตรพระธุดงค์กว่า 700 รูป

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2565 ชาวบ้านในพื้นที่ อ.เชียงคำ จ.พะเยา ในหลายหมู่บ้านต่างแตกตื่นและออกมารอชมพร้อมทั้งรอใส่บาตรหลังทราบข่าวว่ามีพระธุดงค์จำนวน 700 กว่ารูป ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่ สร้างความปิติยินดีอย่างยิ่งทั้งนี้คณะพระธุดงค์ได้เดินทางมาปักกรดบริเวณ รร.พระนั่งดิน ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา ก่อนที่เช้านี้ในเวลา 06.00 น.จะเดินธุดงค์ต่อเพื่อพักอีกจดที่สนามกีฬากลางบ้าน 12 พัฒนา ต.ผาช้างน้อย อ.ปง จ.พะเยา ทั้งนี้ผู้ขำขบวนคือพระครูวินัยธรรัน อนังคโณ หรือหลวงพ่อจรัญ เจ้าอาวาสวัดดงก้าวกัลยาราม (สำนักปฏิบัติธรรมอุทยานธรรมยาง) ต.คลีกลิ้ง อ.ศิลาลาด จ.ศรีษะเกษ นอกจากนี้พระสงฆ์ที่มาร่วมเดินธุดงค์นั้นมาจากหลายที่ ทั้งนี้ทางนายธวัช จรัสวรภัทร นายอำเภอเชียงคำ และนายนิกร ยะกะจาย นายอำเภอปง ได้ดูแลความเรียบร้อยในเรื่องต่าง ๆ ตลอกระยะเวลาที่อยู่ในพื้นที่

พระครูวินัยธรรัน ได้กล่าวว่า ในการเดินธุดงค์ครั้งนี้อาตมาได้เชิญชวนเหล่าพระสงฆ์ที่สนใจจะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ทั่วประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นสายป่าธรรมยุต รวมทั้งยังมีพระจากสหรัฐอเมริกา พม่า สปป.ลาว เข้าร่วมในการเดินครั้งนี้ด้วย ซึ่งวัตถุประสงฆ์ในการเดินธุดงค์ครั้งนี้อาตมาอยากฝึกในการขัดเกล่าจิตใจของพระสงฆ์ที่เข้าร่วมกิจกรรมนี้รวมทั้งยังเป็นการเผยแพร่คำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้กับพระสงฆ์ที่เข้าร่วมรวมทั้งญาติโยมที่มาเฝ้ารอทำบุญ ทำวัตรเช้า – เย็นด้วย อีกทั้งส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติให้กับในหลวงทั้ง ร.9 และ ร.10 เช่นกัน ทั้งนี้พระสงฆ์กว่า 700 รูปนี้ต่างตั้งมั่นในเรื่องของการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบการสวดมนต์ภาวนาและการเดินธุดงค์ที่กำหนดลมหายใจ โดยการเดินธุดงค์นี้อาตมาได้เริ่มต้นจากวัดพระธาตุผาเงา อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และจะเดินทางไปถึงจุดหมายคือวัดพระตุผาซ่อนแก้ว อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์นี้รวมทั้งการเดินนี้ได้เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.65 ที่ผ่านมาจนไปถึงวันที่ 15 ม.ค.66 ที่จะถึงนี้ด้วย

ด้านนายสังวาร ก่องดวง 1ในคณะลูกศิษย์ในการวางแผนการเดินทางได้กล่าวเสริมว่า สำหรับการเดินทางครั้งนี้พวกตนได้มีการปรึกษาหารือกับทางหลวงพ่อจรัญอยู่ตลอดเวลา ด้วยหลวงพ่อท่านจะบอกตนว่าเส้นทางในการเดินธุดงค์นี้จะหลีกเลี่ยงในเรื่องของพื้นที่ที่มีชุมชนแออัดหรือเมืองใหญ่ซึ่งตัดปัญหาในเรื่องของอาจจะมีการจราจรติดขัด อีกทั้งในการเดินธุดงค์นี้หลวงพ่อจรัญได้กำชับพวกตนว่าไม่ให้มีการประกาศใด ๆ ให้ชาวบ้านได้รับรู้เพราะจะเป็นการรบกวนให้เกิดความยุ่งยากและเป็นอันตรายหากอยู่ในเหมืองใหญ่ ซึ่งตนจึงได้ทำการวางแผนการทางเดินธุดงค์นี้วันต่อวันเพื่อพื้นที่ในการเดินธุดงค์นี้จะสะดวกสบายต่อพระสงฆ์ที่เข้าร่วมกิจกรรม รวมทั้งชาวบ้านจะไม่ได้วุ่นวายในเรื่องของการเตรียมตัวมากราบไว้ เพียงแต่เมื่อไปถึงจุดหมายที่พักในแต่ละวันนั้นก็จะมีชาวบ้านมาร่วมสวดมนต์และฟังธรรมด้วยแต่ไม่มากมาย

“การเดินธุดงค์ของคณะพระสงฆ์นี้ 4 ปี จะมี 1 ครั้งในแต่ละภาคโดยของภาคเหนือปีนี้ก็ถือว่าครบ 4 ปีพอดี เป็นเรื่องยากที่หลายคนจะได้พบเห็นการเดินธุดงค์ที่มีพระมากที่สุด อีกทั้งเส้นทางนั้นไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเดินแบบไหนหรืออย่างไร เพราะต้องเลี่ยงเส้นทางการจราจรที่อาจจะติดขัดด้วย และหาก 4 ปีข้างหน้าหากมีการเดินธุดงค์อีกครั้งผมก็ไม่สามารถจะบอกได้ว่าจะกลับมาเดินเส้นทางเดิมนี้อีกครั้งหรือไม่อย่างไร เพราะหลวงพ่อจะปรึกษากับพวกผมตลอด” นายสังวาร กล่าวทิ้งท้าย

ร่วมแสดงความคิดเห็น