เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.66 เวลา 11.00 น.ทาง นายไกรวุฒิ วรรณคำ หน.หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ พย.3(เชียงคำ) ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ทั้ง 2 อำเภอว่ามีการลักลอบตัดไม้เตรียมขนขึ้นรถบรรทุกขนาด 10 ล้อเพื่อที่จะส่งขายลงภาคกลางและอีกพื้นที่พบว่ามีชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้อาศัยช่วงวัดป่ามีงานแอบลักลอบตัดไม้เพื่อที่จะทำเป็นสวนยางพารา

ทั้งนี้จึงได้ประสานไปยัง พ.ต.ท.เสถียร ธรรมสอน ผบ.ร้อย.ตชด.326 อ.เชียงคำ นายเอกชัย สีต๊ะสาร ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมกำลังจาก จนท.ชป.ป่าไม้ สปจ.2 (เชียงราย),ชป.เชียงราย 1 และ 2, ชป.พะเยา, จนท.ตร.สปทส.ภ.5, นปพ.กก.สส.ภ.จว.พะเยา,กก.4. บก.ปทส.พะเยา ลงพื้นที่เพื่อเข้าจับกุมทันที พื้นที่แรกอยู่ในถนนสายบ้านทุ่งควบ – น้ำแวน ม.2 ต.ทุ่งผาสุข อ.เชียงคำ จ.พะเยา ซึ่งสามารถเข้าจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 รายพร้อมของกลางเป็นไม้ประดู่ท่อนจำนวน 25 ท่อน ปริมาตร 8.78 ลบ.ม.ถูกลำเลียงขึ้นรถบรรทุกขนาด 10 ล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียนพะเยา จำนวน 1 คัน ได้ตรวจยึดไว้ทันที

พ.ต.ท.เสถียร กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้รับการประสานงานขอกำลังสนับสนุนจากทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.เชียงคำ ก็ได้ร่วมลงพื้นที่เพื่อเข้าจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางทันที โดยสามารถจับกุ่มได้จำนวน 3 ราย และไม้กำลังที่จะเตรียมลำเลียงไปสู่ภาคกลางด้วย จากการสอบถามผู้ต้องหารายหนึ่งนั้นได้ให้การว่า ได้เข้าไปแอบตัดไม้ในพื้นที่เขตป่าสงวนของบ้านใหม่เจริญไพร ม.9 ต.ฝายกวาง อ.เชียงคำ เพราะมีการอ้างว่าได้มีการซื้อขายกันก่อนหน้าและให้ผู้ต้องหารายนี้เข้าไปตัดและเพื่อที่จะได้นำออกมาให้กับผู้ต้องหาอีกรายที่เป็นผู้ซื้อซึ่งเป็นชาว จ.ฉะเชิงเทรา ในราคา 150,000 บาท

โดยผู้ต้องหารายแรกที่ตัดนั้นอ้างว่าเป็นไม้ถูกต้องที่ทางหมู่บ้านขายให้ ทั้งนี้ผู้ต้องหารายที่ 2 จึงได้ว่าจ้างคนขับรถ 10 ล้อเดินทางมารับไม้ในราคา 17,000 บาท เพื่อที่จะได้นำไปส่งปลายทางใน อ.แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ทั้งนี้ผู้ต้องหารายที่ 3 ซึ่งเป็นคนขับนั้นได้ให้การว่า ตัวเองรับงานมาจากกลุ่มไลน์หางานรถบรรทุกซึ่งตัวเองปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการของการลักลอบตัดไม้นี้ด้วย พร้อมทั้งยังไม่เคยรู้จักกับผู้ต้องหารายแรกกับรายที่ 2 มาก่อนแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีการขอดูเอกสารในการขนย้ายและการซื้อขายก็พบว่าเป็นเอกสารปลอมด้วยโดยทางเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันทำไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีไม้กระยาเลยหวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันทำไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

ด้านนายไกรวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันพื้นที่อีกแห่งคือภายในเขตบ้านป่าฮ้อม ม.4 ต.เชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา มีการลักลอบตัดไม้และแพ้วถางป่าเพื่อที่จะใช้ในการปลูกยางพารา ซึ่งตนเองและเจ้าหน้าที่อีกชุดพร้อมด้วยผู้นำชุมชนที่ทราบข่าวก็สามารถเดินทางเข้าไปจับกุมไว้ได้จำนวน 3 รายเช่นกันพร้อมของกลางเป็น จักรยานยนต์พวงข้าง 1 คัน กล้ายางพารา 400 ต้น มีด 4 เล่ม จอบ 5 เล่ม เชือก 1 เส้น ทั้งนี้การบุกรุกดังกล่าวผู้ต้องหาอาศัยช่วงวัดดอยป่าฮ้อมกำลังมีงานสรงน้ำพระธาตุซึ่งผู้นำชุมชนทั้งในพื้นที่และใกล้เคียงพร้อมด้วยชาวบ้านได้ขึ้นไปทำบุญจึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะกระทำการดังกล่าว

แต่หลังจากนั้นก็ต้องจนมุมกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปบุกจับถึงที่หลังมีชาวบ้านร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ตนเองได้ตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้เป็นคนในพื้นที่ ต.เชียงแรง และได้ทำการลักลอบตัดไม้มาสักระยะแล้วแต่ด้วยช่วงก่อนที่ออกตรวจนั้นพบเพียงไม้ที่ถูกตัดแต่ไมพบผู้กระทำผิด ซึ่งตนเองก็ได้เฝ้าจับตาดูมาเรื่อย ๆ จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งหมดทั้งส่งให้ทางพนักงานสอบสวนทั้ง สภ.เชียงคำ และ สภ.ภูซาง เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป









ร่วมแสดงความคิดเห็น