NGO แพร่ เข้าพบ ผู้ว่าฯ แพร่ หารือแก้ไขปัญหาจุดความร้อน

NGO แพร่ เข้าพบ ผู้ว่าฯ แพร่ หารือและยื่นข้อเสนอ พร้อมร่วมมือแก้ไขปัญหาจุดความร้อน (Hotspot) และปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 เพื่อสร้างอากาศที่สดใสให้คนเมืองแพร่

นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ เปิดเผยว่า ด้วยความห่วงใยต่อปัญหาจุดความร้อน (Hotspot) และปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ที่เพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดแพร่ ทางองค์กรภาคเอกชน โดย ชมรมอากาศดีที่เมืองแพร่ และสภาลมหายใจจังหวัดแพร่ นำโดย นายสามชาย พนมขวัญ พร้อมสมาชิกชมรม นักเรียน เยาวชนคนเมืองแพร่ เข้าพบหารือร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ และยื่นข้อเสนอ เพื่อร่วมสนับสนุนการทำงานของภาครัฐและเพื่อประชาชน ณ ห้องประชุมไชยบูรณ์ ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดแพร่ (เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่ผ่านมา) ประกอบด้วย

📌1. ให้มีศูนย์ควบคุมฝุ่นควัน PM2.5 ระดับจังหวัดและเป็นกรรมการระดับภาค(เหนือ) โดยให้ระดับภาคเป็น Single Commander และให้จัดปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 เป็นภัยพิบัติ
📌2. คณะกรรมควบคุมฝุ่นควัน PM2.5 มีภาคเอกชน ประชาชน ประชาสังคมเป็นคณะกรรมการฯ
📌3. คณะกรรมการฯ วางแผนการจัดการฝุ่นควันก่อนฤดูการเกิดฝุ่นควัน
📌4. หน่วยงานที่รับผิดชอบ เปิดเผยข้อมูลการชิงเผาที่เป็นระบบตามหลักวิชาการเพื่อลดปริมาณเชื้อเพลิงในป่า และแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า รวมทั้งจัดระบบการอนุญาตให้เกษตรกรมีการเผาตามลำดับการลงทะเบียน แบ่งวันเผาในแต่ละอำเภอ ทั้งนี้ ขึ้นกับสภาพอากาศ ทิศทางลมเป็นต้น
📌5.ในกรณีค่า PM.2.5 สูงเกินมาตรฐานความปลอดภัยต่อสุขภาพ ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ควรได้หน้ากากอนามัยชนิด KN95 และมีการหยุดเรียน หรือ ทำงานได้ที่บ้าน หรือสนับสนุนให้สถานศึกษามีระบบปรับปรุงอากาศที่เหมาะสมในห้องเรียน
📌6. มีศูนย์ข้อมูลฝุ่นควัน PM2.5 ระดับจังหวัดและระดับภาค โดยรัฐสนับสนุนเครื่องวัด PM2.5 ให้ครบทุกตำบล เพื่อการรายงานผลให้ประชาชนทราบ
📌7. สนับสนุนงบประมาณการดับไฟแก่ท้องที่และท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านอุปกรณ์เช่นเครื่องเป่าลม น้ำมัน ตลอดจนเบี้ยเลี้ยง การรักษาพยาบาล และการประกันภัย ประกันชีวิต
📌8. ปิดป่าห้ามเข้าช่วงฤดูเผาตั้งแต่ 1 มกราคมถึง 30 เมษายน หรือช่วงเวลาที่เหมาะสมตามสถิติที่มีค่า PM2.5
สูงวิกฤต หากใครจะเข้าจะออกต้องทำเรื่องขออนุญาตกับผู้นำท้องถิ่นเขตติดต่อพื้นที่ป่า
📌9. สนับสนุนให้มี พรบ.อากาศสะอาด
📌10. มีโครงการตำบลหรือหมู่บ้านนำร่อง(sand box) โดยชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดการฝุ่นควันในเขตป่า แยกประเภทไฟที่อนุญาตให้เผาและไม่ให้เผาชัดเจน มีงบประมาณสนับสนุนตามระยะเวลา มีธรรมนูญเพื่อการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน ชุมชนใดทำไม่ได้ ให้ตัดงบประมาณ

ทั้งนี้ ทางชมรมฯ ได้แนะนำให้ประชาชนได้รู้จักและใช้ Application “NTAQHI” (Northern Thailand Air Quality Health Index หรือ ดัชนีคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพชาวเหนือ) ซึ่งสามารถแจ้งคุณภาพอากาศเป็นรายนาทีได้เหมาะกับการปรับใช้ในชีวิตของประชาชน ในการนี้จังหวัดแพร่จะได้นำข้อเสนอดังกล่าวไปบูรณาการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาจุดความร้อน(Hotspot) และปัญหาฝุ่นควัน PM 2.5 ให้มีประสิทธิภาพต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น