ถ้ำผานางคอย แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความงดงามของหินงอกหินย้อยและตำนานรักอมตะ ตั้งอยู่ในอำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินปูนที่ยืนตระหง่านกลางป่าที่เคยอุดมสมบูรณ์ โดยชื่ออำเภอ “ร้องกวาง” มีที่มาจากเสียงร้องของกวางป่าที่เคยชุกชุมในพื้นที่นี้ แต่เมื่อการเกษตรขยายตัว สัตว์ป่าก็ค่อยๆ ลดน้อยลง เหลือเพียงผืนป่าที่โอบล้อมภูเขาหินปูนและถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยวิจิตรตระการตา
ความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติและตำนานรัก
ถ้ำผานางคอยตั้งอยู่บนหน้าผาสูง 50 เมตร ภายในเป็นอุโมงค์ลึก 150 เมตร กว้าง 10 เมตร โค้งเป็นรูปข้อศอกแบ่งออกเป็น 3 ตอน ภายในตกแต่งด้วยไฟเพื่อขับเน้นความงามของหินงอกหินย้อยและประกายระยิบระยับของเกล็ดหินที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง จุดเด่นของถ้ำแบ่งออกเป็น 13 จุดชมความงามที่มีชื่อเรียกไพเราะ อาทิ “คูหาสวรรค์วิเศษ” “นาคาสถิต” “ลานรักพระนาง” และไฮไลต์สำคัญคือ “หินนางคอย” ก้อนหินรูปทรงคล้ายหญิงสาวโอบอุ้มลูกน้อย นั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าทึ่งนี้ ตำนานพื้นบ้านจึงถักทอเรื่องราวแห่งความรักและการรอคอยอันแสนเศร้า
เปิดตำนานรักอมตะ “เจ้าหญิงอรัญญาณี“
ตามตำนานเล่าว่า เมื่อ 800 ปีก่อน ในอาณาจักรแสนหวี เจ้าหญิงอรัญญาณี พระธิดาผู้เลอโฉม ทรงตกหลุมรักกับคะนองเดช หัวหน้าฝีพายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตพระนางจากเรืออับปาง แม้ความรักของทั้งคู่จะงดงาม แต่ก็ต้องเผชิญกับกฎมณเฑียรบาลที่ห้ามความสัมพันธ์ระหว่างชนชั้น เมื่อความลับถูกเปิดเผย ทั้งสองจึงหลบหนี ถูกทหารติดตามจนเกิดโศกนาฏกรรม ลูกธนูที่หมายชีวิตคะนองเดชกลับพลาดไปถูกเจ้าหญิงแทน
เจ้าหญิงซึ่งเพิ่งประสูติพระโอรสในถ้ำแห่งนี้ ตัดสินใจบอกให้ชายคนรักหนีไปเพื่อเอาชีวิตรอด พร้อมเอ่ยคำสัญญาอันตรึงใจว่า “หญิงจะรออยู่ที่นี่ชั่วกัลปาวสาน” และด้วยแรงอธิษฐาน ทำให้ร่างของพระนางกลายเป็นหินในท่าที่โอบอุ้มพระโอรสไว้บนตัก จนกลายมาเป็น “หินนางคอย” ในปัจจุบัน
จากตำนานสู่แหล่งท่องเที่ยวแห่งวัฒนธรรม
ปัจจุบัน ถ้ำผานางคอยได้รับการพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีการติดตั้งไฟและป้ายบรรยายประวัติศาสตร์ในแต่ละจุด นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปประดิษฐานบริเวณใกล้ปากถ้ำเพื่อให้นักท่องเที่ยวกราบสักการะ
ในเดือนเมษายนของทุกปี ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะมีการจัดงาน “ถ้ำผานางคอย” ซึ่งเป็นโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสทั้งความงดงามทางธรรมชาติและมรดกวัฒนธรรมที่สืบทอดมาจากตำนาน
ถ้ำผานางคอยไม่เพียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ความหวัง และความศรัทธาที่ผู้คนสามารถสัมผัสได้ผ่านตำนานและความงามของธรรมชาติ
ที่มา : https://www.phraepao.go.th/main/%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A2/ , https://www.museumthailand.com/th/3520/storytelling/%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A2/
ร่วมแสดงความคิดเห็น