“คอกช้างเผือกแห่งแม่สอด” ตำนานช้างคู่บารมีพ่อขุนรามคำแหง

กลางป่าลึกแห่งอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซ่อนเร้นโบราณสถานสำคัญที่สะท้อนร่องรอยประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย นั่นคือ “คอกช้างเผือก” หรือ “พะเนียดช้าง” สถานที่ซึ่งเชื่อว่าเคยเป็นลานพิธีรับมอบช้างเผือกคู่บารมีของพระเจ้าฟ้ารั่ว กษัตริย์แห่งกรุงหงสาวดี ตามพงศาวดารที่เล่าขานเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรสุโขทัยและอาณาจักรมอญเมื่อหลายร้อยปีก่อน

ตำนานการเสี่ยงทายช้างเผือก
ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช มีช้างเผือกเชือกหนึ่งในกรุงสุโขทัยที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้าย ไม่อาจควบคุมได้ พระองค์จึงทรงประกอบพิธีเสี่ยงทายเพื่อค้นหาผู้ที่เหมาะสมเป็นเจ้าของช้างเผือก พระองค์ทรงอธิษฐานว่า “หากช้างเชือกนี้เป็นคู่บารมีของกษัตริย์นครใด ขอให้มันบ่ายหน้าไปทางทิศนั้น” เมื่อเสร็จพิธี ช้างเผือกเชือกนั้นได้ชูงวง เปล่งเสียงร้องสามครั้ง ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาณาจักรหงสาวดีในขณะนั้น

ด้วยเหตุนี้ พ่อขุนรามคำแหงจึงทรงมีพระบรมราชโองการให้ทหารติดตามช้างไป เพื่อดูว่ามันจะหยุดอยู่ ณ สถานที่ใด จนกระทั่งช้างเดินมาถึงบริเวณเชิงเขาแห่งหนึ่งในดินแดนปัจจุบันของอำเภอแม่สอด ซึ่งมีแม่น้ำขวางกั้น พระองค์จึงโปรดให้สร้าง “พะเนียดช้าง” หรือคอกล้อมชั่วคราวขึ้นที่บริเวณนี้ เพื่อเตรียมทำพิธีส่งมอบช้างให้แก่พระเจ้าฟ้ารั่ว กษัตริย์มอญผู้เคยเป็นข้าราชบริพารของพ่อขุนรามคำแหงมาก่อน

ปัจจุบัน คอกช้างเผือกตั้งอยู่ในเขตบ้านท่าอาจ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก การเดินทางสามารถใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 105 เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 82-83 จะมีทางแยกเข้าสู่เส้นทางลูกรังประมาณ 35 กิโลเมตร สถานที่แห่งนี้เป็นโบราณสถานที่ยังคงเหลือร่องรอยของกำแพงก่ออิฐมอญโบกปูน สูงประมาณ 1 เมตรเศษ กว้าง 25 เมตร และยาว 80 เมตร ภายในมีลักษณะเป็นลานกว้างที่เคยใช้เป็นสถานที่กักช้าง และทำพิธีกรรมทางศาสนา

ส่วนด้านหน้าของคอก มีช่องเปิดเป็นปากคอกกว้าง 15 เมตร ลักษณะเป็นทางแคบสอบเข้าหากัน ยาวประมาณ 50 เมตร สันนิษฐานว่าทางเข้าคอกนี้อาจถูกออกแบบมาเพื่อให้สามารถต้อนช้างเข้าไปด้านในได้โดยง่าย และยังช่วยควบคุมพฤติกรรมของช้างในระหว่างพิธีกรรม

ความเชื่อมโยงกับอาณาจักรสุโขทัยและอาณาจักรมอญ
เรื่องราวของคอกช้างเผือกสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรสุโขทัยและอาณาจักรมอญในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะเมื่อพ่อขุนรามคำแหงทรงมีไมตรีกับพระเจ้าฟ้ารั่ว (มะกะโท) ซึ่งแต่เดิมเป็นชนชาติมอญที่เคยรับราชการในกรุงสุโขทัย ก่อนจะหนีไปยังหงสาวดีและได้รับการสถาปนาเป็นกษัตริย์ ในแง่หนึ่ง คอกช้างเผือกจึงอาจไม่ได้เป็นเพียงสถานที่มอบช้างเผือกเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นสัญลักษณ์ของพันธมิตรและการถ่ายทอดอำนาจระหว่างสองอาณาจักรอีกด้วย

แม้ว่าคอกช้างเผือกจะกลายเป็นโบราณสถานที่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา แต่ร่องรอยของกำแพงอิฐและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ยังคงเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรสุโขทัยในอดีต สถานที่แห่งนี้จึงเป็นมากกว่าซากกำแพงเก่าแก่ แต่เป็นอนุสรณ์สถานที่สะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรมและสายสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรในอดีต ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ไทยโบราณควรหาโอกาสมาเยือน เพื่อสัมผัสบรรยากาศของสถานที่ที่เคยเป็นศูนย์กลางของพิธีกรรมสำคัญเมื่อกว่า 700 ปีก่อน

ที่มา : https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=824&code_db=610002&code_type=TK007 , https://www.tasailuad.go.th/trv-otp-detail?id=20

รูปภาพจาก : https://images.app.goo.gl/HZddPBMaiJuk8iNw6

ร่วมแสดงความคิดเห็น