กกต. แจง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง

กกต.แจง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง และว่าด้วยการเลือกตั้ง

กกต.แม่ฮ่องสอน ประกาศแจ้งให้พี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับทราบ โดยจะได้มีการแบ่งเขตการเลือกตั้งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเหนือกับส่วนใต้ ให้มีจำนวนราษฎรใกล้เคียงกัน ขณะนี้จะมีกฎหมายลูกอีก 2 ฉบับ ที่จะประกาศใช้ประมาณปลายเดือนธันวาคม คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง และว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2565 โดยทางสำนักงาน กกต. จะได้ดำเนินการประกาศให้มีการเลือกตั้ง จะได้ดำเนินการประกาศให้มีการเลือกตั้งในโอกาสถัดไป หลังจากที่มีการประกาศจดหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2565 นายณัฐเศรษฐ์ ราชไชยา ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน แจ้งข่าวเกี่ยวกับการเลือกตั้งต่อพี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน ว่า ขณะนี้จะมีกฎหมายลูกอีก 2 ฉบับ ที่จะประกาศใช้ประมาณปลายเดือนธันวาคม คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2565 โดยทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะได้ดำเนินการประกาศให้มีการเลือกตั้งในโอกาสถัดไป หลังจากที่มีการประกาศจดหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ หน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดฯ ที่จะต้องดำเนินการเป็นลำดับแรก คือ ดำเนินการแบ่งเขตเลือกตั้งแม่ฮ่องสอน ซึ่งจังหวัดแม่ฮ่องสอน จากเดิมจะมี ส.ส.เพียง 1 คน พอมีรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข ทำให้มี ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 เขต แม่ฮ่องสอน สามารถที่จะมี ส.ส.ได้ จาก 1 เขต เป็น 2 เขต คือมี ส.ส. ได้ 2 คน

จึงขอแจ้งให้พี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้รับทราบ โดยจะได้มีการแบ่งเขตการเลือกตั้งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนเหนือ กับส่วนใต้ ให้มีจำนวนราษฎรใกล้เคียงกัน ดังนั้นจึงต้องมีการแบ่งอำเภอทางด้านทิศเหนือ ประกอบด้วย อำเภอปาย อำเภอปางมะผ้า อำเภอเมือง และอำเภอขุนยวม ด้านทิศใต้ ประกอบด้วย อำเภอแม่ลาน้อย อำเภอแม่สะเรียง และอำเภอสบเมย ขึ้นอยู่กับความต่างของจำนวนราษฎรที่จะต้องไม่เกิน 10%ของราษฎรแต่ละเขต ความต่างต้องไม่เกินประมาณ 14,000 คน ทั้งนี้ ทั้งโซนเหนือ 4 อำเภอ และโซนใต้ 3 อำเภอ จะมีความต่างของจำนวนราษฎร 10,000 คน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ ประมาณ 6.7 % ไม่เกิน 10 % ก็สามารถจะแบ่งได้ นอกจากนั้น จะมีรูปแบบที่ 2 และรูปแบบที่ 3 เพื่อให้คณะกรรมการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ โยธาธิการจังหวัดฯ เกษตรจังหวัดฯ สรรพากรจังหวัดฯ โดยมีผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดฯ เป็นเลขา เพื่อที่จะดำเนินการเสนอรูปแบบการแบ่งเขต แล้วประกาศให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ เพื่อที่จะมีข้อเสนอแนะ

หลังจากที่ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์แล้ว รูปแบบทั้ง 3 ก็จะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ประกาศว่าจะเลือกใช้รูปแบบใด คือขั้นตอนที่ 1 ในเรื่องของการแบ่งเขต ในส่วนของพรรคการเมืองและผู้สมัครก็จะต้องหาสังกัดพรรคอยู่ และสมัครเป็นสมาชิกพรรค และเสนอตัวให้กรรมการและสมาชิกพรรคในเขตเลือกตั้งในจังหวัดฯเป็นผู้พิจารณาเลือกผู้สมัครท่านนั้น เป็นผู้สมัครหรือเป็นตัวแทนในการสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต

ส่วนแบบบัญชีรายชื่อนั้น ก็จะปรากฏในการรับสมัครอยู่ที่ส่วนกลาง คือ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง จะเป็นผู้สมัคร ฉะนั้น รูปแบบของบัตรทั้ง 2 ประเภท เบอร์จะไม่เหมือนกัน เบอร์ของแบ่งเขต กับแบบบัญชีรายชื่อ จะไม่ซ้ำกับพรรค เพราะฉะนั้น จะแยกจากกันต่างหาก คือขั้นตอนที่ผู้สมัครและพรรคการเมืองจะต้องดำเนินการ

ร่วมแสดงความคิดเห็น