หวั่นค้าขายกัญชาเสรี มอมเมาสังคม กังวลกลุ่มริลองเสพน่าห่วง

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากกลุ่มผู้ปกครอง และผู้บริหารสถานศึกษา ในพื้นที่สันทราย จ.เชียงใหม่ เกี่ยวกับการปลดล๊อก เปิดเสรีกัญชาว่า ได้ไม่คุ้มเสียเพราะกระแสที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ชาวบ้านสนใจซื้อหาต้นกัญชามาปลูก รวมถึงการรับต้นกล้าฟรีตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ผู้นำชุมชน ประกาศเสียงตามสาย

“แม้ว่า ในอดีต ตามครัวเรือนจะมีการปลูกพืชสมุนไพร ปลูกกัญชา ก็เป็นเพียงเครื่องเคียงในการปรุงรสชาติอาหาร ไม่ได้หมกมุ่น ใช้กัญชาปรุงแต่งสารพัดเมนู ทั้งเครื่องดื่มแบบชากัญชา ขนม อาหารที่มีส่วนผสมจากกัญชา ต้องรอลุ้นว่า ผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นกับผู้ริลอง นิยมของแปลกใหม่ จะเป็นไปในรูปแบบใด เท่าที่ติดตามข่าวสาร พบมีทั้งอาการคลุ้มคลั่ง จิตหลอน เมาทำร้ายร่างกายตนเอง ทะเลาะวิวาทก็มี น่าห่วง”

ทั้งนี้ ประชาชน บางส่วนในพื้นที่เชียงใหม่ และลำพูน แสดงความคิดเห็นว่า การปลดล๊อกกัญชา โดยเตรียมผลักดันร่างกฎหมายออกมา ด้วยข้ออ้างเพื่อการแพทย์ การดูแลสุขภาพ การเข้าถึงสมุนไพร กัญชา ที่มีความเชื่อว่าจะช่วยบำบัดอาการเจ็บป่วย บางอาการ ไม่ให้มีปัญหาการถูกจับกุมเช่นที่ผ่านๆ มา แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว ถ้าติดตามผ่านช่องทางออนไลน์ หรือ ดูกลไกทางการตลาดในขณะนี้ จะเห็นปรากฎการณ์ ค้าขายกัญชาทุกรูปแบบทั้งต้นกล้ากัญชา เมล็ดพันธุ์ กัญชาแห้งอัดแท่ง ชากัญชา เครื่องดื่มสูตรผสมกัญชา

“เป็นยุคสมัยที่นำของเคยผิดกฎหมาย มาวางขายอย่างโจ๋งครึ่ม ตามช่องทางต่างๆไม่เว้นแม้แต่สถานศึกษา ที่ใช้งานวิจัยนำหน้า แต่ผลประโยชน์ในกลไกตลาดการค้ากัญชา มหาศาล และทราบว่า กำลังตั้งเป้าผลักดัน ไทยเป็นเมืองเสรีกัญชาของอาเซียนอีก ไปกันใหญ่เลยทีนี้”

ด้านชมรมแพทย์ชนบท นำเสนอว่าการ ปลดล็อกกัญชาพ้นบัญชียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีผลตั้งแต่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ยังมีข้อถกเถียงถึงผลกระทบที่จะตามมา แม้จะปลดล็อกกัญชาพ้นจากยาเสพติด แต่ยังมีข้อยกเว้นกรณีสารสกัดที่มีสารในกัญชาถ้าเกิน 0.2% ยังถือว่าเป็นยาเสพติด และยังห้ามนำเข้าพืชกัญชา กัญชง ยกเว้นเมล็ดพันธุ์ ตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ.2518 และ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.2507 กำกับดูแลโดยกระทรวงกษตรและสหกรณ์ การขออนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก สารสกัดกัญชา กัญชง ยังเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ส่วนการขออนุญาตผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีกัญชากัญชงเป็นส่วนประกอบ ยังเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยา แล้วแต่กรณี

สำหรับ จ.เชียงใหม่นั้น ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกกัญชา กัญชง ที่ได้รับอนุญาตครอบคลุม 21 อำเภอ 302 พื้นที่ ซึ่งหลังปลดล็อกพื้นที่ปลูกเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ด้วยผลพวงจากแนวทาง แจกกล้ากัญชาครัวเรือนละ 2 ต้น ทั้งนี้ การปลดล๊อกกัญชา ทำให้สามารถปลูกกัญชากัญชง เพื่อใช้ดูแลสุขภาพหรือปลูก เพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรมได้โดยให้แจ้งข้อมูลการปลูก ผ่านระบบการจดแจ้งการปลูก ทีมข่าวได้รับการเปิดเผยจากวิทยากรประจำทีมงานด้านปราบปรามยาเสพติดภาคเหนือ ระบุว่า ไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็น ต้นกัญชา เติบโตอย่างรวดเร็ว มากมายมหาศาล ผ่านช่องทางการตลาด แม้กระทั่งกัญชาอัดแท่ง ที่นำเสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะเครือข่ายกัญชา มีความสลับซับซ้อน และสินค้าที่ประดังออกมาเป็นจำนวนมากนั้น คงต้องติดตามตรวจสอบ พิสูจน์ทราบที่มาที่ไป

“สินค้าที่นำเสนอขาย ทั้งอัดแท่ง เกรด ต่างๆ อดสงสัยไม่ได้ว่า ปลดล็อกไม่นาน แต่สินค้าที่ออกขาย ทำไมรวดเร็ว มากมายขนาดนี้ ในอนาคตกลไกตลาดจะเป็นปัจจัยผันแปร ถ้าของมาก ราคาก็ตก คำว่าพืชเสพติด ก็บ่งบอกแล้วว่า อย่าไปเสพ เพราะจะติดและกลุ่มที่ติดยาเสพติด เริ่มต้นจากความอยากลองอยากรู้ พอใช้บ่อยๆเข้าก็ติด บางรายบำบัดแล้ว ยังหวนคืนสู่วงจรเดิมๆ ที่ใช้มากเกินไป มีทั้งหลอนยา คลั่ง ชีวิตครอบครัวไม่เหมือนเดิมทั้งนั้น โดยส่วนตัวมองว่า ปรากฎการณ์ กระแสกัญชาเสรี น่าห่วง ผลจะเกิดขึ้น ต้องรอติดตาม ภายใน 1 ปีก็น่าจะรู้แล้วว่า เป็นเรื่องดีหรือเรื่องเสียหายของสังคม”

ร่วมแสดงความคิดเห็น