23 กุมภาพันธ์ 2566 มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation – WDT ได้โพสต์เหตุการณ์สลดและเป้นอุทาหรณ์เตือนใจเจ้าของสุนัข ที่เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ดุอย่างพิตบูลว่า

#พิทบูลเร้ตโน้ตสองตัวหลุดเข้ามากัดหมาเจ้าของยิงตายคาลานบ้าน#คดีอุทาหรณ์ #พิสูจน์เจตนาทารุณกรรมสัตว์ หรือ #การป้องกันทรัพย์สินโดยชอบ !
ออร์กา กับออกัส เป็นพิทบูลเร็ดโน้ต ที่เจ้าของเลี้ยงดูประหนึ่งบุคคลในครอบครัว ทั้งสองตัวไม่ดุร้าย ชอบเล่นกับคนและถูกเลี้ยงดูอย่างดีภายในบริเวณบ้านที่กว้างขวาง ไม่มีการปล่อยเพ่นพ่านไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
แต่แล้ววันหนึ่ง ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นจนได้เมื่อออร์กำกับออกัสหลุดออกจากบ้านแล้ววิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปในบ้านใกล้เคียงจนเจอหมาของเพื่อนบ้านแล้วกัดกัน
เจ้าของพิทบูลไม่รู้เรื่องจนกระทั่งเพื่อนบ้านมาบอกว่าฮอร์ก้ากับออกัสหลุดเข้าไปในบ้านเขา และเมื่อเจ้าของไปถึง ก็พบทั้งสองตัวนอนสิ้นใจเพราะถูกยิงตาย…
#WDTอยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำคัญในการพิจารณาความเป็นไปของเรื่องราวและการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นธรรมที่สุดต่อคู่กรณีทั้งสองฝ่าย

แม้เจ้าของพิทบูลจะเสียใจอย่างสุดซึ้งที่น้องหมาหลุดออกไปจนถูกยิงตายและพร้อมจะต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้ออร์ก้ากับออกัส เพราะทั้งสองเป็นเพียง “หมา” ที่เลือกกำเนิดเป็นสายพันธุ์ไหนไม่ได้
แต่เพื่อนบ้านคู่กรณีจะต้องสู้กลับแน่นอนในเรื่องการป้องกันทรัพย์สิน !
เรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นอุทาหรณ์และเป็นตัวอย่างคดีในการต่อสู้ในเรื่องของการพิสูจน์ว่าการกระทำนี้จะเป็นการพิสูจน์เจตนาทารณกรรมสัตว์หรือเป็นการป้องกันทรัพย์สินโดยชอบทั้งสองฝ่ายจะต้องสู้กันด้วยหลักฐานซึ่งควรจะได้คลิปวิดีโอมาพิสูจน์เจตนา
WDT จะประสานทุกวิถีทางเพื่อให้ตำรวจไปขอดูคลิปกล้องว งจรปิดจากเพื่อนบ้น เพราะคลิปนี้จะเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดในการพิสูจน์เจตนาของเพื่อนบ้าน ว่าเหตุการณ์ขณะนั้นเป็นอย่างไรเจ้าของพิทบูลเข้าแจ้งความและ ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานค้นหากล้องว่งจรปิต ถึงหมาเราเข้าไปในบ้านเขา แต่ก็มีวิธีอื่นที่เขาสามารถป้องกันได้ และการยิงน้องไม่ใช่เป็นการป้องกันทรัพย์สินโดยชอบ แต่เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เจตนาให้ถึงแก่ชีวิต

หรือ เจ้าของหมาที่ถูกพิทบูลบุกเข้ามากัต ไม่สมารถทำอะไรอย่างอื่นได้ในการป้องกันหมาของตัวเองนอกจากคว้าปิ้นมายิ้งจนตาย และการกระทำนี้ถือเป็นการป้องกันทรัพย์สินโดยชอบและสมควรกว่าเหตุแล้ว!
#ศาลสถิตย์ยุติธรรมเท่านั้นครับที่จะเป็นผู้ตัดสิน
ทั้งนี้ มีผู้ใช้บัญชีเฟสบุ๊กชื่อ Xmr Kulwngs ฝ่ายเจ้าของพิตบูลได้เข้ามาคอมเม้นใต้โพสดังกล่าว และชี้แจงเหตุผลด้วยว่า
“ผมเป็นเจ้าพิตบลูเองครับเรื่องมีอยู่ว่า เจ้าของบ้านฝั่งนั้นบอกหมาผมปืนกำแพงสูง 2 เมตรขึ้นไป ซึ่งตัวผมเองคิดว่าน้องปืนขึ้นไปไม่ได้แน่และอีกอย่าง บ้านเขาก็มีรั้วรอบขอบชิดเหมือนกันและที่ผมสงสัยคือมีคนเปิดประตูบ้านเขาไว้มั้ย หรือจงใจให้น้องหมาของผมวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วยิง
ซึ่งเจ้าของบ้าน บอกน้องหมาปืนข้ามรั้ว 2 เมตรมันเป็นไปได้อยากมากครับเพราะน้องหมาน้หนัก 50 ถึง 60 กิโล กระโดดขึ้นท้ายปีกอัฟยังต้องช่วยเลย ผมเคารพทุกความคิดเห็นนะครับมีอีกหลายอย่างที่ผมพูดไม่หมด เอาเป็นหมาเขาก็เคยมากัดหมากัดไก่ผม ที่บ้านเหมือนกัน
ผมก็แค่ไล่มันไปไม่เคยไปทุบตีหมาเขาเลยครับ กล้องวงจรปิดที่บ้านเขาคับว่าหมาผมเข้าไปได้อย่างไรและอีกอย่างทำไมต้องพูดว่าสะใจมากวันนี้ที่ได้ยิงหมา”

กรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป้นครั้งแรก ที่สุนัข แมว หรือสัตว์เลี้ยงอื่นมักถูกทำร้าย หรือถูกทำให้เสียชีวิตจากการหลุดเข้าไปในบ้านของผู้อื่น และยังคงเป็นกรณ๊ถกเถียงในโซเชียลมีเดีย ที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์แบบหลากหลายมุมมอง จากผู้ที่รักและไม่รักสัตว์ และจากมุมมองของผู้ที่ไม่เคยเลี้ยงสัตว์ ที่เข้ามาคอมเม้นท์ออกความคิดเห็นเช่น

ถ้างั้นแบบนี้ต้องดูกล้องแล้วครับถ้าพูดว่าสะใจที่ยิงหมา แบบนี้
ฟังหูไว้หู ใครจะเปิดประตูบ้านให้เข้ามากัด เขาต้องหวาดระแวงตลอดมากคว่า
เป็นไปไม่ได้สูงมากที่น้องสองตัวปืนรั้ว หมาพันนี้ปืนริ้วขนาดนั้นไม่ได้ ขนาตขาน้องยังไม่ได้เลย แล้ววิธีแยกหมามีเยอะแยะ แต่ไม่ทำเลือกทางยิงหมา ผิดเต็มๆ เอาเรื่องให้ถึงที่สุด
เสียใจกับเจ้าของด้วยนะครับ ขอให้หาตรงกลางกันเจอ ถ้ายังไงขอให้หาหลักฐานได้ละกันนะครับ
เคสแบบนี้พูดลำบาก เรารักของเรา เขาก็รักของเขา
เรื่องปีนรั้วสองเมตรผมว่าปีนได้ครับ เห็นมาแล้วพิทบูลนี่แหละ แต่เป็นการฝึกนะสูงกว่าสองเมตรด้วย
คนยิงใจอัมหิตมากเลย เขาก็เลี้ยงหมา จริงอยู่หมาหลุดเข้าบ้านเขา แต่ไม่มีทางอื่นนอกจากฆ่าหมาเลยหรือ
อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความเสียกับเจ้าของสุนัขพิยบูลทั้งสอง และคงต้องรอดูบทสรุปอีกครั้งจากการพิจารณาคดีและหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามที่เจ้าของเรียกร้องให้เปิดเผย





ร่วมแสดงความคิดเห็น