อช.ภูชี้ฟ้า(เตรียมการ) จัดประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษา เน้นย้ำมาตรการเฝ้าระวังไฟป่าตามแนวชายแดน
เวลา 10.00 น. วันที่ 28 ก.พ. 66 นายบุญส่ง ตินารี นอภ.เทิง จ.เชียงราย เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า(เตรียมการ) ณ ห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอเทิง โดยมีนายวิทยา บัวพล หัวหน้าอุทยานภูชี้ฟ้า(เตรียมการ) พร้อมด้วยตัวแทนหน่วยงานราชการ ผู้นำชุมชน ในพื้นที่ อ.เทิง อ.ขุนตาล อ.เวียงแก่น และ อ.เชียงของ เข้าร่วมในการประชุม

การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกในรอบปี 2566 และเป็นการพบปะกันของคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า(เตรียมการ) นับตั้งแต่นายวิทยา บัวพล ย้ายมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานฯ โดยประเด็นหลักทางประธานในที่ประชุมได้เน้นย้ำในมาตรการห้ามเผาในที่โล่ง ตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. – 15 เม.ย. 66 ตามนโยบาย “60 วันปลอดการเผาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย” ของ ผวจ.เชียงราย
ซึ่งก็สอดคล้องกับประกาศของ อช.ภูชี้ฟ้า(เตรียมการ) ที่ได้ออกประกาศห้ามเข้าไปในเขตอุทยานฯในช่วงเวลาเดียวกัน โดยปีนี้ทางอุทยานฯได้ห้ามเข้าไปกระทำการไดๆในพื้นที่ของอุทยานฯ ในท้องที่ ต.เวียง ต.ตับเต่า อ.เทิง ต.ป่าตาล ต.ยางฮอม ต.ต้า อ.ขุนตาล ต.ศรีดอนชัย ต.ครึ่ง ต.บุญเรือง อ.เชียงของ และ ต.ท่าข้าม ต.หล่ายงาว ต.ปอ อ.เวียงแก่น ยกเว้นโซนบริการการท่องเที่ยว ห้ามเผาในพื้นที่เขตอุทยานฯ โดยเด็ดขาด

หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉ.4) พ.ศ.2559 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับ 20,000-2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากจำเป็นต้องเข้าไปในเขตอุทยานฯจะต้องลงทะเบียนกับทางอุทยาน และแจ้งให้กำนันผู้ใหญ่บ้านรับทราบ แต่ต้องไม่นำวัตถุที่เกิดไฟเข้าไปในป่าอุทยาน
ในส่วนของความคืบหน้าในการยกฐานะ อช.ภูชี้ฟ้า(เตรียมการ) ขึ้นเป็น อช.ภูชี้ฟ้า ซึ่งตามกระบวนการยกฐานะทั้ง 11 ขั้นตอน ปัจจุบันกำลังดำเนินการอยู่ในขั้นตอนที่ 4 ได้แก่ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

โดยในส่วนของ อช.ภูชี้ฟ้า(เตรียมการ) จากเดิมได้มีพื้นที่ที่อยู่ในแนวเขตของอุทยานจำนวน 286,869.54 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 4 อำเภอคือ เทิง เวียงแก่น ขุนตาล และเชียงของ มีวนอุทยานในการดูแล 3 แห่งคือ วนอุทยานถ้ำผาแล วนอุทยานพญาพิภักดิ์ และวนอุทยานน้ำตกศรีชมพู แต่ในเบื้องต้นได้มีชาวบ้านได้ขอกันพื้นที่ใกล้กับหมู่บ้านเพื่อทำเป็นป่าชุมชน ทำให้ปัจจุบันเหลือพื้นที่ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณายกฐานะเป็นอุทยานอยู่จำนวน 58,069.24 ไร่ และยังมีชาวบ้านในพื้นที่บางส่วนที่ยังมีความวิตกกังวลว่าในพื้นที่ที่เตรียมยกฐานะเหล่านี้จะไปทับซ้อนกับที่อยู่อาศัยหรือที่ดินทำกินของชาวบ้านหรือไม่

จึงอยากจะขอความชัดเจนกับทางอุทยานก่อนการยกฐานะ และมีบางส่วนที่เกรงว่าหากเกิดการยกฐานะเป็นอุทยานแล้วชาวบ้านจะไม่สามารถเข้าไปหาของป่าได้ตามเดิม ซึ่งประเด็นนี้ทางหัวหน้าอุทยานภูชี้ฟ้าคนใหม่ได้เน้นย้ำว่า ชาวบ้านยังสามารถเข้าไปหาของป่าได้ตามเงื่อนไขของอุทยาน และหากมีเงินรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมของอุทยาน เงินรายได้เหล่านั้นก็จะถูกจัดสรรให้ อปท.นำมาจัดสรรเพื่อพัฒนาพื้นที่ในเขตอุทยานตามความเหมาะสมอีกด้วย

ในด้านการพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ในเขตพื้นที่อุทยานฯ ได้มีการขอสนับสนุนงบพัฒนาจังหวัด จำนวน 11 ล้านบาท เพื่อจะนำมาปรับปรุงลานจอดรถอุทยาน ห้องน้ำสาธารณะ สร้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และร้านค้าชุมชน ในส่วนของการปิดอุทยานฯเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ จะยังคงยึดเอาตามกำหนดการของปีที่ผ่านมา คือช่วงวันที่ 1 ก.ค. – 31 ส.ค. รวมเป็นระยะเวลา 60 วัน








ร่วมแสดงความคิดเห็น