พระพุทธรูปสมัยใหม่ เหมาะสมหรือไม่?

อาร์ตทอย “อมิตโตโฟ (Amitofo)” เป็นผลงานสร้างสรรค์ของศิลปินชาวจีนที่มีชื่อว่า ชู่ ผี (Shu Pi) ซึ่งเป็นตุ๊กตารูปพระอมิตภะพุทธเจ้า โดยคนไทยเรียกตุ๊กตานี้ว่า “หลวงเจ๊”

ที่มา: IG: amitofo_shupi_

อย่างไรก็ตาม มีหลายคนไม่เห็นด้วยกับการสร้างสรรค์งานของชู่ ผี โดยบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่จะซื้อตุ๊กตานี้เพื่อมาห้อยหรือประดับตามตัว โดย นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้แสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของตัวเองไว้ว่า “อยากให้แม่ค้าพินิจพิเคราะห์ให้ดี ก่อนที่จะนำสินค้าใด ๆ ก็ตามที่สื่อถึงพระศาสดา มาจัดจำหน่าย ไม่ว่าศาสดาของศาสนาไหนก็ตาม เช่นสินค้าชุดนี้ เป็นสินค้าที่สื่อถึงพระเศียรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำมาห้อยกระเป๋าหรือพวงกุญแจ ไม่เหมาะโดยประการทั้งปวง กรณีนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนยิ่ง ที่ผ่านมา พศ. ทำได้เพียงขอความร่วมมือ”

ที่มา: IG: amitofo_shupi_

หากจะพูดถึงความเหมาะสมของรูปเคารพพระพุทธเจ้าในรูปแบบต่างๆ ก็ต้องพูดถึงจุดประสงค์ของรูปเคารพของพระพุทธเจ้าเสียก่อน

จุดประสงค์ของรูปเคารพพระพุทธเจ้า ในช่วงพุทธกาลไม่มีรูปเคารพของพระพุทธเจ้าอยู่ แต่เมื่อช่วงยุคหลังพุทธปรินิพพานชาวพุทธต้องการรูปเคารพของพระพุทธเจ้าเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการระลึกถึงพระพุทธเจ้าและคำสอน

คำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับรูปเคารพ พระพุทธองค์ตรัสไว้ในขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ว่า “มนุษย์เป็นอันมาก ถูกภัยคุกคามแล้ว ย่อมถึงภูเขา ป่า สวนและรุกขเจดีย์ว่าเป็นที่พึ่ง ที่พึ่งเช่นนั้น ไม่เกษม ไม่อุดม เพราะบุคคลอาศัยที่พึ่งนั้นแล้ว ย่อมไม่พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ส่วนบุคคลใดถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่ง ย่อมเห็นอริยสัจ 4 คือ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความก้าวล่วงทุกข์และมรรคมีองค์ 8 อันประเสริฐซึ่งทำให้สัตว์พบกับความสงบไปของความทุกข์ ด้วยปัญญาอันชอบ ที่พึ่งแบบนั้นของเขานับว่าเกษม เป็นที่พึ่งอุดม เพราะบุคคลอาศัยที่พึ่งแบบนั้นย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้” กล่าวอย่างง่ายคือใครก็ตามที่ใช้สิ่งอื่นนอกจาก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง จะไม่สามารถพ้นทุกข์ได้ สะท้อนให้เห็นว่า หากบุคคลใดใช้คำสอนของพระพุทธเจ้าในการดับทุกข์ ก็ไม่จำเป็นต้องเคารพในรูปเคารพใดๆ

โดยในปัจจุบันการรำลึกถึงพระพุทธเจ้าคำสอนสามารถทำได้หลายแบบโดยไม่ต้องจำเป็นต้องสักการบูชาพระพุทธรูปด้วยซ้ำ เมื่ออินเทอเน็ตมีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้นการอ่านพระไตรปิฎกก็ไม่ไช่เรื่องยาก หรือการหาคำสอนต่างของพระพุทธเจ้าแค่คลิกไม่กี่คลิกก็อาจทำให้เราพ้นทุกข์ได้แล้ว ดังนั้น หากจะบอกว่าตุ๊กตาอมิตโตโฟนั้นไม่เหมาะสม ก็อาจจะไม่ถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ ตราบใดที่ผู้คนมองตุ๊กตาตัวนี้ว่าเป็นรูปพระพุทธเจ้า อาจจะหมายความว่าตุ๊กตาตัวนี้ได้บรรลุจุดประสงค์ของการสร้างรูปเคารพของพระพุทธเจ้าแล้ว

พระพุทธรูปทำให้เรานึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงหรือ ในปัจจุบันเรากราบไหว้พระพุทธรูปเพื่ออะไร หากย้อนไปตอนเรายังเด็กเราอาจจะจำได้ว่าพ่อแม่ของเราบอกให้เราไหว้พระและขอพรได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดจุดประสงค์ของพระพุทธรูป ในปัจจุบันเราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าการขอพรจากพระพุทธรูปนั้นมีอยู่จริง การห้อยพระพุทธรูปเพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัยยังมีอยู่จริง แต่ไม่เคยมีใครบอกเราว่าเวลาไหว้พระให้เรานึกถึงพระไตรปิฎก ไม่มีใครบอกเราว่าห้อยพระแล้วต้องนึกถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า ทำให้ทุกวันนี้จุดประสงค์ของพระพุทธรูปนั้นถูกบิดเบือนไป ในทางกลับกัน การศึกษาพระพุทธศาสนาไม่จำเป็นต้องมีพระพุทธรูปมาเกี่ยวข้องกันเลย ปัจจุบันเราสามารถศึกษาพระพุทธศาสนาได้จากหลายแอปพลิเคชัน หลายช่อง ตัวอย่างเช่น ช่อง “คนตื่นธรรม” ซึ่งไม่มีพระพุทธรูป หรือ พระสงฆ์ มาเกี่ยวข้องกับการสอนเลย สะท้อนให้เห็นว่าการศึกษาพระพุทธศาสนาพระพุทธรูปอาจไม่ไช่ปัจจัยสำคัญ

ในท้ายที่สุดเราก็ต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่าการเป็นพุทธศาสนิกชน เราควรชั่งน้ำหนักกับการบูชารูปเคารพ และ สอดส่องดูแลความเหมาะสมของรูปเคารพต่างๆ หรือ อ่านพระไตรปิฎก และ ศึกษาธรรมะ มากกว่ากัน

ที่มา

BBC News: https://www.bbc.com/thai/articles/cew2jy9dn28o

THE PEOPLE: https://www.thepeople.co/social/look-up/52117

MCU: https://www.mcu.ac.th/article/detail/502

ร่วมแสดงความคิดเห็น