37860

“บิ๊กป้อม” รับยาบ้าถูกลง ห่วงระบาดหนัก

วันที่ 1 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนจังหวัดชายแดนแม่น้ำโขงในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 จังหวัด ประกอบไปด้วย จังหวัดนครพนม อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร บึงกาฬ หนองคาย และจังหวัดเลย โดยในโอกาสนี้ นายชาญชัย คงทัน รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นตัวแทนผู้เข้าร่วมกิจกรรมกล่าวต้อนรับและรายงานสถานการณ์ รวมถึงแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครพนมให้ทุกคนได้รับรู้พร้อมกับการชมวีดีทัศน์สรุปผลการดำเนินการของจังหวัดนครพนมในรอบปีงบประมาณ 2565 ซึ่งหลังรับทราบข้อมูลทั้งหมด พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า จากผลการดำเนินการของจังหวัดนครพนมถือว่ามีผลงานที่ดีมาก อยากให้ทุกจังหวัดได้เลือกเอาตัวอย่างที่ดีเหล่านี้ไปปรับใช้กับบริบทและพื้นที่ของตนเองเพื่อปราบปรามยาเสพติดที่เป็นตัวบ่อนทำลายชาติ ซึ่งปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้ยาเสพติดนับวันจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เดิมจากราคาเม็ดละ 2-3 ร้อยบาท ตอนนี้เหลือเพียงเม็ดละ 20-30 บาทเท่านั้น ดังนั้นทุกฝ่ายทุกคนจะต้องช่วยกันจึงจะสำเร็จโดยจะต้องอธิบายและชี้ให้ประชาชนได้เห็นและเข้าใจถึงมหันตภัยของยาเสพติด ว่ามีความร้ายแรงขนาดไหน กินแล้วเป็นอย่างไร ก่อให้เกิดปัญหาสังคมด้านใดบ้าง เพราะมีตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้วในทุกวันนี้ […]

ลุงป้อม เตือนต้องใช้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย

ลุงป้อมเตือนนายจ้างให้รับแรงงานต่างด้าวเข้าทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อสามารถอยู่ในราอาณาจักรและทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องไม่ต้องหลบซ่อน มีสวัสดิการ สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมและได้รับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายแรงงานไม่ต่างจากคนไทย พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในกิจการประมงทะเลและกิจการต่อเนื่อง และกิจการบางประเภทที่คนไทยไม่นิยมทำ โดยบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน อย่างมีประสิทธิภาพ รัดกุม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของนายจ้าง/สถานประกอบการ ลดปัจจัยที่ทำให้เกิดการลักลอบเข้าเมืองมาทำงานอย่างผิดกฎหมายของแรงงานประเทศเพื่อนบ้าน และป้องกันความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งหลังจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2565 เห็นชอบนโยบายบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ให้กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามที่มีสถานะไม่ถูกต้อง ที่ประสงค์จะทำงานและมีนายจ้าง สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 ก.พ. 66 โดยหากประสงค์จะทำงานต่อไป สามารถอยู่และทำงานเป็นการชั่วคราวได้ไม่เกินวันที่ 13 ก.พ. 68 โดยต้องดำเนินการตามประกาศกระทรวงมหาดไทยและประกาศกระทรวงแรงงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงแรงงานได้สำรวจข้อมูลจากนายจ้างสถานประกอบการพบว่ายังมีความต้องการแรงงานประมาณไม่น้อยกว่า 120,000 คน และได้เห็นชอบให้กลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา ที่มีสถานะถูกต้อง ที่ประสงค์จะทำงานต่อไป ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มมติครม. 29 ธ.ค. 63 มติครม. 13 ก.ค. 64 มติครม. […]