75766

เด็กอินโดนีเซียดับ 133 ราย ไตวายเฉียบพลันจากยาน้ำ

ซินหัว รายงาน บูดี กูนาดี ซาดิกิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเขีย เผยว่าจำนวนเด็กที่เสียชีวิตจากภาวะไตวายเฉียบพลันเพิ่มขึ้นจาก 99 ราย เป็น 133 รายแล้ว ซาดิกินระบุว่าจำนวนเด็กเสียชีวิตดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของผู้ป่วยเสียชีวิตทั้งหมด 241 ราย ซึ่งมีรายงานมาจาก 22 จังหวัด นับตั้งแต่เดือนมกราคม โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ทั้งนี้ กระทรวงฯ อ้างอิงผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ ซึ่งสรุปว่าพบสารประกอบไดเอทิลีนไกลคอล (DEG) และเอทิลีนไกลคอล (EG) ในเลือดของเด็กเหล่านี้ ขณะหน่วยงานทางการพบยาน้ำที่เด็กเหล่านี้บริโภคที่บ้าน 102 ชนิด ซึ่งจะมีการประกาศรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในเร็วๆ นี้ อนึ่ง เมื่อวันพฤหัสบดี (20 ต.ค.) สำนักงานควบคุมอาหารและยาของอินโดนีเซีย ประกาศรายชื่อยาน้ำ 5 ชนิด ที่ผลิตโดยบริษัทเภสัชภัณฑ์ในประเทศ 3 แห่ง ซึ่งมีระดับสารตัวทำละลายข้างต้นเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ขณะที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ตรวจสอบแล้ว ยาแก้หวัดอินเดียที่ตรวจพบสารปนเปื้อนวัตถุห้ามใช้ในอาหาร ไม่พบการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ยาดังกล่าวในประเทศไทย และไม่พบข้อมูลการขายบนอินเทอร์เน็ต พร้อมมีมาตรการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศอย่างเข้มงวด และดำเนินการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องต่อไป […]

อินโดฯ สั่งระงับยาน้ำ พบเด็กดับแล้ว 99 ราย

สำนักข่าวซินหัว รายงาน เมื่อวันพุธ (19 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุขอินโดนีเซีย แถลงว่าอินโดนีเซียได้ระงับการจ่ายยาน้ำทั้งหมดชั่วคราว หลังตรวจพบผู้ป่วยไตวายเฉียบพลัน 206 ราย ใน 20 จังหวัด และมีผู้เสียชีวิต 99 ราย.โมฮัมหมัด ชาห์ริล โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่าจำนวนผู้ป่วยไตวายเฉียบพลันที่เป็นเด็กเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 6 ปี และบางรายมีกลุ่มอาการต่างๆ ร่วมด้วย เช่น ท้องร่วง ไอ คลื่นไส้ หรืออาเจียน.อย่างไรก็ดีกระทรวงฯ เน้นย้ำว่ากลุ่มผู้ป่วยข้างต้นไม่เชื่อมโยงกับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เนื่องจากทางการฉีดวัคซีนให้เฉพาะเด็กอายุ 6 ปีขึ้นไปเท่านั้น.ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าเด็กในแกมเบียเสียชีวิตจากภาวะไตวายเฉียบพลัน ราว 70 ราย ซึ่งถูกมองว่าอาจเชื่อมโยงกับยาแก้ไอ 4 ชนิดที่ผลิตในอินเดีย ที่มีส่วนผสมของไดเอทิลีนไกลคอล (diethylene glycol) และเอทิลีนไกลคอล (ethylene glycol).ด้านสำนักงานควบคุมอาหารและยาของอินโดนีเซีย (BPOM) ยืนยันว่าตัวยาเหล่านี้ไม่ได้จดทะเบียนในอินโดนีเซีย และขณะนี้กำลังมีการสอบสวนเพิ่มเติม