วัดสวนดอก

ภคมินทรา อุปโยคิน ถวายผ้าป่าโซล่าเซลล์ 100,000 บาท มจร. วิทยาเขตเชียงใหม่ วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม 2565 ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ ดร. ภคมินทรา อุปโยคิน เป็นประธานเจ้าภาพผ้าป่าจัดซื้อโซล่าเซลล์ ถวายแด่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ จำนวน100,000 บาท พร้อมทั้งเข้ารับใบประกาศเกียรติคุณ แต่งตั้งเป็นกรรมการที่ปรึกษามหาวิทยาลัยฯ โดยมี พระเทพปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ประธานสภาวิทยาเขตเชียงใหม่ เป็นประธานมอบเกียรติบัตรในงานพิธีซ้อมรับประสาทปริญญาบัตร มุทิตาจิต พุทธศาสตรบัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และผู้รับเข็มเกียรติคุณ ประจำปี 2565 พร้อมกันนี้ คุณวิลาสินี ชัยวรรณ์ คณาจารย์ ตลอดจนเหล่าผู้มีจิตศรัทธาได้เข้าร่วมอนุโมทนาบุญ และร่วมแสดงความยินดี ณ พระวิหารหลวง วัดสวนดอก ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

3 ธันวาคม 2565 พระเทพปริยัติ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ประธานสภาวิทยาเขตเชียงใหม่ เป็นประธานมอบโล่ศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ ให้พระครูประยุติขันติคุณ รองเจ้าคณะเจ้าอำเภอฮอด เจ้าอาวาสวัดกองหิน พิธีซ้อมรับประสาทปริญญาบัตร มุทิตาจิต พุทธศาสตรบัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และผู้รับเข็มเกียรติคุณ ประจำปี 2565 ณ พระวิหารหลวง วัดสวนดอก ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

สมาคมข้าราชการบำเหน็จบำนาญ กระทรวงสาธารณสุข สาขา จ.เชียงใหม่ แถลงข่าวการทำบุญทอดผ้าป่า ถวายวัดสวนดอก 27 พ.ย.นี้ เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ที่ชุมชนโหล่งฮิมคาว บ้านมอญ ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าวประจำสัปดาห์นอกสถานที่ สำหรับประเด็ดการแถลงข่าว เรื่องการจัดงานทอดผ้าป่าสามัคคี ของข้าราชการบำเหน็ดบำนาญ กระทรวงสาธารณสุข สาขาจังหวัดเชียงใหม่ สมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้โรงพยาบาลแม่อาย โดย นพ.วินัย วิริยกิจจา อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุข/ นายกสมาคมข้าราชการบำเหน็จบำนาญ กระทรวงสาธารณสุข คนปัจจุบันได้จัดให้มีการทอดผ้าป่าสามัคคีขึ้นทุกวันที่ 27 พฤศจิกายน ของทุกปี ซึ่งเป็นวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข มีการจัดหมุนเวียนกันปีละภาค ในปีนี้เป็นของภาคเหนือ และเป็นของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้สมาชิกซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการบำเหน็จบำนาญ กระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ถึงแม้จะเป็นผู้สูงอายุแล้วก็ตาม ที่มีจิตศรัทธาอันเป็นกุศลร่วมกัน บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม คาดว่าปีนี้อาจจะมีสมาชิกทั่วประเทศ มาร่วมงานประมาณกว่า 1,200 คน […]

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ชุมชนวัดสวนดอก อาสาสมัคร เข้ามุทิตาจิต พระครูสิริบรมธาตุพิทักษ์ ,ผศ.ดร. รองอธิการบดี (อาทิตย์ อาทิปญฺโญ/รสหวาน ,ป.ธ.5 ,พธ.บ. ,M.S.W.Ph.D ) อายุ 50 ปี ตามคำสั่งมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยที่ 1100/ 2565 เรื่องแต่งตั้งรองอธิการบดี ณ ห้องรับรอง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตเชียงใหม่ วัดสวนดอก พระอารามหลวง ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2565 เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากสืบเนื่องจากการที่ทางวัดดังแห่งหนึ่ง ในต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ติดป้าย ประกาศขอความร่วมมือพนักงานรับส่งอาหารของทุกบริษัทให้งดใช้พื้นที่บริเวณหน้าวัดและภายในวัดในการพักรถจักรยานยนต์ หรือรอรับงานทุกกรณีโดยให้เมื่อทางวัดและชุมชนกำลังดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณวัดและชุมชน ซึ่งสร้างความแปลกใจและงุนงงสงสัยให้กับผู้ที่พบเห็นทราบข่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพนักงานรับส่งอาหารหรือไรเดอร์ของบริษัทต่างๆที่มักจะใช้พื้นที่สวนหย่อมหรือร่มเงาของต้นไม้บริเวณหน้าวัด พักเหนื่อยชั่วครู่เป็นครั้งคราว ระหว่างรอรับออเดอร์จากลูกค้า ทั้งนี้เบื้องต้นทางวัดดังกล่าวยังไม่มีการชี้แจงรายละเอียดถึงเหตุผลที่มาที่ไปของการออกประกาศดังกล่าว แต่จากการสังเกตการณ์บริเวณวัดพบว่ามีการก่อสร้างบางจุดอยู่ด้านในของวัด รวมทั้งมีการติดป้ายประกาศรับบริจาคเงินจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธาเพื่อร่วมสมทบทุนก่อสร้างอาคาร ซึ่งเป็นคนละจุดกันกับที่พนักงานบริษัทรับส่งอาหารจะไปจอดพักกันที่อยู่ด้านนอกวัด จากการสอบถามพนักงานรับส่งอาหารรายหนึ่ง ซึ่งมาจอดพักอยู่ที่บริเวณหน้าวัดบอกว่า เพิ่งเห็นป้ายดังกล่าววันนี้ ซึ่งแปลกใจและไม่เข้าใจว่าเหตุผลที่แท้จริงของทางวัดว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะไม่เห็นว่ามีการปรับปรุงภูมิทัศน์ใดๆ อีกทั้งตามปกติกลุ่มพนักงานส่งอาหารจะจอดพักกันอยู่บริเวณสวนหย่อมหน้าวัดที่ติดกับถนนใหญ่และไม่ได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายใดๆในบริเวณวัดอยู่แล้ว รวมทั้งต่างจอดพักกันเพียงชั่วครู่เท่านั้นขณะที่พนักงานส่งอาหารอีกรายหนึ่ง บอกว่า แปลกใจมากที่ทางวัดมีการติดป้ายประกาศแจ้งเรื่องดังกล่าว เพราะตามปกติแล้วพนักงานส่งอาหารต่างมาจอดพักกันแค่ชั่วคราว ไม่ได้เกะกะ สร้างความวุ่นวายใดๆ ให้กับทางวัด และในแต่ละช่วงเวลาไม่ได้มีจำนวนมากด้วย เพราะเป็นลักษณะสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกัน แต่ละครั้งมีจำนวนอย่างมากประมาณ 10 คนเท่านั้น จึงไม่ทราบว่าที่จริงแล้วทางวัดมีปัญหาอะไรกันแน่ ซึ่งอยากทราบข้อเท็จจริงเช่นกัน เพราะมองว่าโดยทั่วไปแล้วของทางวัดน่าจะเป็นที่พึ่งให้กับผู้คนมากกว่าที่จะเป็นแบบนี้.