ห้ามขายสุราทุกชนิด
ห้ามขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลื้ยงสุราทุกชนิดในระหว่างเวลา 18.00 น.ของวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2566 จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566 ในพื้นที่ ต.ช้างเผือก ต.ป่าตัน ต.ช้างม่อย และต.ฟ้าฮ่าม ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่
ห้ามขาย จำหน่าย จ่ายแจก หรือจัดเลื้ยงสุราทุกชนิดในระหว่างเวลา 18.00 น.ของวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2566 จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566 ในพื้นที่ ต.ช้างเผือก ต.ป่าตัน ต.ช้างม่อย และต.ฟ้าฮ่าม ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่
ผู้ว่าฯพะเยาสุดงง หลังพบโพลสำรวจติดอันดับ การดื่มสุราอันดับที่ 5 เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2565 มีรายงานว่า จ.พะเยา ได้มีการถูกโพลของสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ระบุในเรื่องของการดื่มสุรามากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ โดยอันดับ 1 นั้นเป็นของ จ.น่าน ทั้งนี้ว่าที่ ร.ต.ณรงค์ โรจนโสทร ผู้ว่าราชการ จ.พะเยา ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตนได้ทราบข้อมูลที่มีโพลสำรวจจากสื่อสำนักแห่งหนึ่งแล้ว ซึ่งตนขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้ที่ จ.พะเยา เองจะติดอันดับ 5 ของการดื่มสุรามากที่สุด ด้วยเพราะ จ.พะเยา เองมีทั้งพื้นที่และประชากรน้อยกว่าจังหวัดอื่นที่เป็นเมืองเศรษฐกิจ อย่างเชียงใหม่ หรือเชียงราย โดยประชากร จ.พะเยา มีเพียง 4 แสนกว่าคนเท่านั้น และส่วนใหญ่ จ.พะเยา เองประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมทั้งสิ้น ทั้งนี้โพลสำรวจนี้จะต้องมีการเช็คข้อมูลให้ดีก่อนที่จะออกมาประกาศ โดยตนแนะนำให้ไปดูในเรื่องของภาษีในการจำหน่ายสุราว่าได้มากน้อยหรือไม่ ซึ่งตนเชื่อว่าจาก 100 % ของการจำหน่ายสุรานั้นไม่หน้าจะเกิน 5 % ของนักดื่มด้วยซ้ำและมองว่า จ.พะเยาเองไม่ได้ใหญ่โตเหมือนจังหวัดอื่นด้วย และยังเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ในเชิงการอนุรักษ์ และท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ มากกว่าที่จะมีการเปิดร้านเหล้า […]
“น่าน” ครองแชมป์นักดื่ม ตามด้วยเชียงราย แพร่ มุกดาหาร พะเยา วันที่ 26 ธ.ค. 2565 ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด จัดงานเสวนาวิชาการและประชุมวิชาการศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด เพื่อพัฒนาศักยภาพการวิจัยและนักวิชาการการเสพติด โดยในส่วนหนึ่งของงานเสวนามีการบรรยายที่น่าสนใจ โดย ดร.นพ.อธิบ ตันอารีย์ โรงพยาบาลศรีธัญญา เรื่อง รายงานสถานการณ์การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายจังหวัด พบข้อมูลว่า จากกลุ่มตัวอย่าง 84,000 คน ทั่วประเทศ พบว่า ร้อยละ 28 ของประชากรไทย อายุ 15 ปี ขึ้นไปดื่มสุราในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 9 ของวัยรุ่นไทยอายุ 15 – 19 ปี ดื่มสุรา แม้ว่ากฎหมายห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ให้ผู้อายุต่ำว่า 20 ปี โดยปรียบเทียบจังหวัด ที่ดื่มมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ น่าน เชียงราย แพร่ มุกดาหาร พะเยา จังหวัดที่ดื่มน้อยที่สุด […]
กรมการแพทย์โดยสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) เตือนประชาชนเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์เพื่อคลายความหนาว เสี่ยงอันตรายถึงเสียชีวิต แนะนำให้เตรียมร่างกายและดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการ สวมเสื้อผ้าหนาๆ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ ดื่มน้ำอุ่นและเครื่องดื่มอุ่นๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในช่วงฤดูหนาวของทุกปี พื้นที่ในเขตภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศจะหนาวเย็น ประชาชนบางกลุ่มนิยมดื่มสุราเพราะเชื่อว่าสามารถทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด และอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ เมื่อดื่มสุราเข้าสู่ร่างกายในระยะแรกหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังจะขยายตัวทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นเพียงชั่วครู่ ร่างกายจะเริ่มระบายความร้อนมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวทำให้อุณหภูมิของร่างกายลดลง นำไปสู่ความเสี่ยงการเกิดภาวะไฮโปเทอร์เมีย หรือภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิลดต่ำเกิน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หัวใจและสมอง ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ เกิดอาการเจ็บป่วยรุนแรง ในรายที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก จะออกฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางทำให้เกิดอาการง่วง ซึม และอาจหลับไปท่ามกลางอากาศหนาวเย็น หากมีเครื่องนุ่งห่มให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอ ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ นอกจากนี้การดื่มสุรายังส่งผลต่อสังคมในอีกหลายๆ ด้าน ซึ่งที่ชัดเจนที่สุด คือ การดื่มแล้วขับขี่ยานพาหนะเป็นสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน นายแพทย์สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวว่า การดื่มสุราเพื่อคลายความหนาวเย็นนอกจากเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ดื่มอย่างมาก แนะนำประชาชนที่จะดื่มสุราเพื่อคลายความหนาวเย็น หันมาเตรียมร่างกายและดูแลสุขภาพตัวเองให้พร้อมในช่วงหน้าหนาวด้วยการ สวมเสื้อผ้าหนาๆ สวมถุงมือถุงเท้าและสวมหมวก ให้เพียงพอกับความอบอุ่นที่ร่างกายต้องการ […]
ผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาระบุชัดเจนว่า คนรุ่นใหม่ หรือ คน Gen Z เห็นว่าควร “ยกเลิกการห้ามขายเหล้าเบียร์วันพระ” โดยเหตุผลส่วนใหญ่ว่า การขายเหล้าเบียร์ไม่ใช่เรื่องที่ผิดควรเน้นให้คนตระหนักถึงผล มากกว่ามาบังคับ ส่วนคนที่เห็นด้วยกับการยกเลิกการขายเหล้าในวันพระ ให้เหตุผลว่าขัดกับหลักพุทธศาสนา การดื่มเหล้าเบียร์ทำให้ผู้คนขาดสติกัน รองศาสตราจารย์ ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต เปิดเผยข้อมูลจากแบบสอบถามจากคน Gen Z (ช่วงอายุ 18-25 ปี ทั้งประเทศมี 6.86 ล้านคน) ที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯและทุกภาคของประเทศ จำนวน 412 คน เกี่ยวกับทัศนคติทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองโดยประเด็นที่สำคัญคือ “ท่านคิดว่า วันพระสำคัญของศาสนาพุทธ ควรยังต้องมี หรือควรยกเลิก ข้อห้ามการขายเหล้าเบียร์ของประชาชนทั้งประเทศ” สรุปผลวิจัยที่น่าสนใจ อาทิ1.คน Gen Z ส่วนใหญ่เห็นว่าควรยกเลิกข้อห้ามการขายเหล้าเบียร์ ร้อยละ 53.2 (219 คน) รองลงมาเห็นว่า ควรยังต้องมีข้อห้ามการขายเหล้าเบียร์ ร้อยละ 30.6 (126 […]
ศูนย์วิจัยโรคปรสิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เผยผลวิจัย การดื่มสุรา เบียร์ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำทำให้มีการติดเชื้อพยาธิเส้นด้าย Strongyloides stercoralis สูงกว่าคนที่ไม่ดื่ม การดื่มแอลกอฮอล์ส่งผลให้การติดเชื้อพยาธิเส้นด้ายมากยิ่งขึ้น สูงกว่าผู้ที่ไม่ดื่มถึง 5 เท่าโดยพบว่า การดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัยจัยเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อพยาธิเส้นด้ายในผู้ป่วย ทำให้เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก และเกิดภาวะการติดเชื้อรุนแรง เชื่อว่าเกิดจากการที่แอลกอฮอล์ไปทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างโฮสต์และพยาธิเสียสมดุลไปในผู้ป่วยที่เสพติดแอลกอฮอล์และมีการติดเชื้อเรื้อรัง หลักฐานสำคัญคือ ร่างกายที่ได้รับแอลกอฮอล์นานๆเข้า แอลกอฮอล์นี้จะไปกระตุ้นแกนไฮโปทาลามัส-ต่อมใต้สมอง-ต่อมหมวกไต (HPA)ให้มีการผลิตฮอร์โมน cortisol ที่มากเกินไป ฮอร์โมนนี้จะไปทำให้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันลดลงโดยเฉพาะ type 2 T helper cells (Th2) และไปเลียนแบบฮอร์โมนการลอกคราบของพยาธิ ทำให้พยาธิสามารถพัฒนาเปลี่ยนแปลงระยะตัวอ่อนจากนะยะหนึ่งสู่อีกระยะหนึ่ง เกิดการติดเชื้อในร่างกายผู้ป่วยได้ (autoinfection) งานวิจัยเปรียบเทียบผู้ป่วยที่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลจำนวน 263 ที่เป็นผู้ดื่มแอลกอฮอล์แบบเรื้อรัง เปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่ม 590 ราย พบว่า การติดเชื้อพยาธิสูงถึง 20.5% ในกลุ่มดื่มประจำ ขณะที่ผู้ไม่ดื่มพบการติดเชื้อเพียง 4.4% ทั้งสองกลุ่มนี้มีระดับการติดเชื้อที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Marques CC, et al. 2010) พยาธิเส้นด้าย S. stercoralis […]