291

ปจร.สภ.ช้างเผือก จับกุมแรงงานชนต่างด้าว

ปจร.สภ.ช้างเผือก จับกุมแรงงานชนต่างด้าวช่วงระดมกวาดล้างช่วงก่อนการเลือกตั้งฯ วันนี้​ 9​ พฤษภาคม​ ​2566​เวลา 18.00 น. พ.ต.อ.กิตติพงษ์ เพ็ชรมุณี ผกก.สภ.ช้างเผือก, พ.ต.ท.สุพจน์ ฉลาด รอง ผกก.ป.สภ.ช้างเผือก, พ.ต.ต.อมรเทพ สุขันธ์ สวป.สภ.ช้างเผือกโดยการปฏิบัติการร่วมกันของ ร.ต.อ.ธานี แหยมคง, ร.ต.อ.ไพรัช ไชยสลี รอง สวป.สภ.ช้างเผือก, ร.ต.อ.ไชยา แสงเงิน รอง สว.(สส.) สภ.ช้างเผือก, ร.ต.อ.ณฐชนนท์ รตนพงศ์รังษี, ร.ต.ต.ชัยยันห์ จากน่าน, ร.ต.ต. สุภัคพิเชฐ จันทราช รอง สว.(ป.) สภ.ช้างเผือก, ด.ต.ทวีไชย ไกรมา, ด.ต.วีรภัทร์ กันถิน และ ส.ต.ท.นาซีม ประทานวงศ์สกุล ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ช้างเผือก ชุดงาน ปจร.สภ.ช้างเผือกได้ร่วมกันแจ้งข้อกล่าวหาและร่วมกันจับกุมตัว

สั่งตรวจสอบเข้ม แรงงานต่างด้าวแย่งอาชีพคนไทย

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีมีข้อร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่ามีแรงงานต่างด้าวเข้ามาประกอบอาชีพ เร่ขายสินค้า ขายอาหาร นวดแผนไทย และช่างทำผม ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลเป็นจำนวนมาก นั้น กระทรวงแรงงานขอย้ำเตือนอีกครั้งว่าอาชีพ “ ขายสินค้า, ขายอาหาร, นวดแผนไทย และช่างทำผม เป็นอาชีพที่ชาวต่างชาติห้ามทำโดยเด็ดขาด ซึ่งระบุไว้ในประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดงานที่ห้ามคนต่างด้าวทำ หลังทราบเรื่อง ตนไม่นิ่งนอนใจได้มอบหมายให้อธิบดีกรมการจัดหางานลงพื้นที่ปูพรมตรวจสอบการทำงานของแรงงานต่างด้าวและสถานประกอบการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่แย่งอาชีพคนไทย เพื่อตรวจสอบ ควบคุม และดำเนินคดีแรงงานต่างด้าวที่ทำงานผิดกฎหมาย พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้นายจ้างสถานประกอบการ และแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง  “งานที่ห้ามแรงงานต่างด้าวทำมีทั้งสิ้น 40 งาน แบ่งเป็น งานที่ห้ามทำเด็ดขาด 27 งาน และงานที่ให้คนต่างด้าวทำได้โดยมีเงื่อนไข 13 งาน ซึ่งหากตรวจพบการฝ่าฝืนกฎหมาย คนต่างชาติทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือสิทธิจะมีโทษปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท และถูกผลักดันส่งกลับ และในส่วนนายจ้างที่จ้างคนต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน หรือให้คนต่างชาติทำงานนอกเหนือสิทธิจะมีโทษปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาทต่อคนต่างชาติที่จ้างหนึ่งคน หากกระทำผิดซ้ำต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 […]

ขอความร่วมมือนายจ้าง ให้ลูกจ้างหยุดงานช่วงปีใหม่

วันที่ 7 ธันวาคม 2565 นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ลงนามในประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง ขอความร่วมมือสถานประกอบกิจการให้ลูกจ้างหยุดงานในช่วงเทศกาลวันปีใหม่ ระบุ ด้วยคณะรัฐมนตรีได้มีมติในที่ประชุม เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 กำหนดให้วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2565 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มเป็นกรณีพิเศษอีก 1 วัน ในปี 2565 เพื่อให้มีวันหยุดต่อเนื่อง รวมเป็น 4 วัน หยุดจนถึง 2 มกราคม 2566 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปี สถานประกอบกิจการส่วนใหญ่ได้ประกาศเป็นวันหยุดตามประเพณี เพื่อให้ลูกจ้างได้หยุดต่อเนื่อง และเป็นโอกาสอันดีที่ทุกคนจะได้เดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัว ณ ภูมิลำเนาของตนเองและร่วมฉลองประเพณีปีใหม่ ซึ่งเป็นประเพณีที่มีมาอย่างยาวนานและปฏิบัติสืบต่อกันมา กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจึงออกหนังสือเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 โดยมีเงื่อนไขว่า 1.ให้นายจ้าง/สถานประกอบกิจการพิจารณากำหนดให้วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2565 เป็นวันหยุดเพิ่มเติม และจัดให้ลูกจ้างหยุดต่อเนื่องตั้งแต่วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม 2565 […]

ชี้ ค่าแรง 600 บาททำได้เมื่อเศรษฐกิจเติบโตทั้งระบบ

“รฎาวัญ” ชี้ ค่าแรง 600 บาททำได้เมื่อเศรษฐกิจเติบโตทั้งระบบ แต่ต้องปฏิรูปกฎหมายแรงงานสัมพันธ์สร้างความรับผิดชอบก่อนขึ้นค่าแรง นางรฎาวัญ วงศ์ศรีวงศ์ หัวหน้าพรรคเสมอภาค แสดงความคิดเห็นกรณีมีฝ่ายการเมืองเสนอนโยบายจะขึ้นค่าแรงวันละ 600 บาทว่า สามารถทำได้เมื่อผู้ประกอบการ บริษัท ห้างร้าน กิจการร้านค้ารายใหญ่รายย่อยทุกประเภทมีรายได้มีกำไรเพิ่มมากขึ้นกว่าทุกวันนี้ ก็ควรจะเกื้อกูลแบ่งปันผลกำไรให้แก่ลูกจ้างที่เป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของนายจ้างซึ่งจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-5 ปีฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโต แต่ในความเป็นจริงปัจจุบันนี้รายได้และรายจ่ายไม่สัมพันธ์กันเลย เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้น สินค้าอุปโภคบริโภคก็ขึ้นราคาสร้างความยากลำบากให้แก่ลูกจ้าง นายจ้างและประชาชนทั่วไปเป็นอย่างมาก ดังนั้นการเสนอนโยบายเพิ่มค่าแรงเป็นวันละ 600 บาทขึ้นไป ต้องช่วยเหลือฝ่ายนายจ้างให้สามารถดำเนินกิจการได้อย่างแข็งแรงมั่นคง อย่าปั้นแต่งสถิติตัวเลขที่สวนทางกับความเป็นจริงจะทำให้เศรษฐกิจพังทั้งระบบ เพราะการประกาศขึ้นค่าแรงแล้วจะไม่สามารถลดค่าแรงลงได้ ประกอบกับสินค้าอุปโภคบริโภคทุกอย่างก็มีความจำเป็นต้องปรับราคาขึ้นตามค่าแรงเป็นเงาตามตัว นางรฎาวัญกล่าวอีกว่า ฝ่ายนโยบายของพรรคเสมอภาคได้พิจารณานโยบายด้านสังคมและด้านเศรษฐกิจเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ และสังคมไทยมีการเกิดลดลงประชากรวัยทำงานก็จะลดลงตามไปด้วย ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นจะต้องพัฒนายกระดับทักษะฝีมือแรงงานไทย(Skilled Labour) ให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนจากต่างชาติที่สนใจจะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นและสามารถส่งออกแรงงานมีฝีมือเข้าสู่ตลาดแรงงานทั่วโลกด้วย นอกเหนือจากการปรับตัวให้สอดคล้องกับกิจการที่จะหันไปใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI แทนแรงงานซึ่งจะใช้แรงงานที่มีทักษะเท่านั้น นอกจากนี้ก็ต้องไม่ละทิ้งแรงงานทั่วไป( Unskilled Labour) ที่ไทยเรายังต้องอาศัยแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมาก ส่วนการป้องกันปัญหาการแย่งชิงคนเก่งด้วยการซื้อตัวพนักงานลูกจ้างที่มีทักษะฝีมือแรงงานสูง (War for Talent) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการโดยตรง ก็ควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ ให้มีความรับผิดชอบต่อกัน (Civil Society) ของทั้งฝ่ายนายจ้างและฝ่ายลูกจ้างด้วย “สำหรับนโยบายที่จะฟื้นเศรษฐกิจของประเทศทั้งระบบได้นั้นพรรคเสมอภาคมองว่า รัฐบาลจะต้องช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่และรายย่อย […]

​นายกฯ พอใจจ้างงานดีต่อเนื่อง ว่างงานลดลง

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับทราบข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ถึงภาวะการมีงานทำของคนไทยประจำไตรมาสที่ 3/65 (ก.ค.-ก.ย.65) ซึ่งในภาพรวมสถานการณ์เป็นที่น่าพอใจ โดยประชาชนมีงานทำมากขึ้น  ว่างงานลดลง เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่มุ่งออกนโยบายเพื่อรักษาการมีงานทำของประชาชนตลอดระยะเวลาที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ทั้งนี้ ณ ไตรมาสที่3/65 ประเทศไทยมีประชากรผู้มีอายุ 15 ปีขึ้นไป 58.66 ล้านคน อยู่ในกำลังแรงงานอยู่ 40.09 ล้านคน นอกกำลังแรงงาน เช่น ทำงานบ้าน เรียนหนังสือ เด็ก คนชรา ผู้ป่วย และผู้พิการ 18.57 ล้านคน  ซึ่งในกลุ่มที่อยู่ในกำลังแรงงาน 40.9 ล้านคนนี้เป็นผู้มีงานทำ 39.57 ล้านคน เพิ่มจาก 39.01 ล้านคนในไตรมาสก่อนที่2/65 หรือเพิ่มขึ้น 5.6 แสนคน และเพิ่มขึ้น 8.2 แสนคนเมื่อเทียบกับไตรมาสที่3/64  ส่งผลให้การจ้างงานในภาพรวมขยายตัวร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในการจ้างงานนอกภาคเกษตร ร้อยละ […]

ห่วง “นักศึกษาจบใหม่” เตะฝุ่น 1.5 แสนคน

สำงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยว่า สสช. ได้เปิดเผยรายงานเรื่องผลการสำรวจภาวการณ์ทำงานของประชาชนไทยในเดือน ก.ค. 65 พบว่าประชากรไทยที่อยู่ในวัยแรงงาน มีจำนวนทั้งสิ้น 40.1 ล้านคน เป็นผู้ที่มีงานทำ 39.48 ล้านคน ผู้ว่างงาน 5.14 แสนคน และผู้ว่างงานที่รอฤดูกาล 21,000 คน ขณะที่ผู้ว่างงานในเดือน ก.ค.65 มีจำนวน 5.14 แสนคน คิดเป็นอัตราว่างงาน 1.3% ของแรงงานทั้งหมด ทั้งนี้เมื่อเทียบกับเดือน มิ.ย. 65 จำนวนผู้ว่างงานลดลง 67,000 คน และอัตราการว่างงาน ลดลง 1.4% เป็น 1.3% อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากระดับการศึกษา พบว่า ระดับอุดมศึกษาว่างงานมากที่สุด คือ 2.35 แสนคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา รองลงมาคือ มัธยมศึกษาตอนปลาย 75,000 คน ระดับ ปวช. ปวส. 71,000 […]