เครื่องบินใหม่ ของการบินไทย 3 ลำ”อลงกรณ์-ศรีมงคล-เทพราช”เข้าประจำการฝูงบินพิสัยไกล
ประชาสัมพันธ์ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) หรือ TG แจ้งว่า เมื่อวันที่ 18-19 ต.ค. 65 ที่ผ่านมา สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ สมเด็จธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะหนกลาง กรรมการมหาเถรสมาคม ประกอบพิธีเจิมเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300ER นามพระราชทาน “อลงกรณ์” (ALONGKORN) และ “ศรีมงคล” (SIMONGKHON) ณ โรงซ่อมอากาศยาน (Hangar) สายช่าง การบินไทย สุวรรณภูมิ
และมีกำหนดจัดพิธี เจิมเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300ER อีก 1 ลำ “เทพราช” (THEPARAT) ในวันที่ 26 ต.ค.65 สำหรับเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300ER ทั้ง 3 ลำใหม่นี้ จะเข้าประจำการในฝูงบินของบริษัทในปี 65
เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300 ER เป็นเครื่องบินพิสัยไกลที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ได้รับพัฒนาการตกแต่งภายในห้องโดยสารในแต่ละชั้นบริการ ให้มีความสะดวกสบายและทันสมัย
อีกทั้งยังเป็นเครื่องบินที่ประหยัดน้ำมัน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องบินที่มีความปลอดภัยที่สุดรุ่นหนึ่งในปัจจุบัน โดยจะให้บริการในเส้นทางจากกรุงเทพฯ ไปยังจุดบินต่างๆ ได้แก่ ลอนดอน โตเกียว (นาริตะ) และโอซากา
เครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-300ER ทั้ง 3 ลำ ให้บริการ 3 ชั้นโดยสาร ได้แก่ ชั้นหนึ่ง 8 ที่นั่ง ชั้นธุรกิจ ปรับเก้าอี้เอนนอนราบได้ 180 องศา 40 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 255 ที่นั่ง มีการออกแบบการใช้พื้นที่ภายในอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการเก็บสัมภาระของผู้โดยสาร และเพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น
พร้อมระบบสาระบันเทิงรุ่นใหม่ล่าสุด Panasonic EX3 หน้าจอ full HD ที่ให้ความคมชัดและหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ทั้ง USB port ที่สามารถชาร์จ iPad ได้ มีระบบ Wi-Fi เพื่อการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่รวดเร็วกว่าเดิม ด้วยระบบ KU band
นอกจากนี้ การบินไทยได้ทยอยนำเครื่องบินของบริษัท แบบแอร์บัส A330-300 ซึ่งให้บริการที่นั่งในชั้นธุรกิจแบบปรับเอนนอนราบ (Flat Bed) 3 ลำ กลับเข้ามาให้บริการในเส้นทางฟุกุโอกะ และโตเกียว (ฮาเนดะ) ตั้งแต่ปลายเดือน ต.ค.65
รวมถึงเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200ER 2 ลำ มาให้บริการเพิ่มเติมในเส้นทางมุมไบ จาการ์ตา และเดนปาซาร์ จากที่ได้นำเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200ER 4 ลำกลับมาให้บริการในเส้นทางประเทศอินเดีย ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี 65
เพื่อรองรับความต้องการเดินทางที่เติบโตอย่างต่อเนื่องใน 9 เดือนแรกของปี 65 อันเป็นผลจากการผ่อนคลาย และยกเลิกมาตรการควบคุม และจำกัดการเดินทางของประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ส่งผลให้อัตราการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ของบริษัทในช่วง 10 วันแรกของเดือน ต.ค.65 ปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 80% มีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 17,554 คน/วัน จาก 2,092 คน/วันในเดือน ม.ค.65
และมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในช่วงฤดูท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 4 ของปี ไปจนถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 66 โดยบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้โดยสาร และบรรลุเป้าหมายรายได้ที่กำหนดไว้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ


ร่วมแสดงความคิดเห็น