ชาวเชียงใหม่แห่นอนดูฝนดาวตกเจมินิดส์ สดร.ขนกล้องโทรทัศน์หลายชนิดให้ชมจุใจ คาดอวดโฉม 150 ดวงต่อชั่วโมง
ช่วงเย็นวันนี้ (14 ธ.ค.65) ชาวเชียงใหม่พากันไปจับจองพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำห้วยลาน ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเฝ้าชมฝนดาวตกเจมินิดส์ซึ่งสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ สดร. จัดกิจกรรม “โต้ลมห่มหนาว นอนนับฝนดาวตกเจมินิดส์” ในคืนนี้ที่อ่างเก็บน้ำห้วยลานซึ่งเป็นหนึ่งในเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดของประเทศไทย โดยทาง สดร.ได้นำกล้องโทรทัศน์หลากหลายชนิดมาติดตั้งให้ประชาชนได้ชมฝนดาวตกเจมินิดส์และชมวัตถุท้องฟ้าที่น่าสนใจ อาทิ ดาวเสาร์ ดาวพฤหัสบดี ดาวอังคาร กาแล็กซี เนบิวลา และ กระจุกดาว ขณะที่ชาวเชียงใหม่เดินทางมาจากหลายอำเภอนำโต๊ะเก้าอี้และที่นอนมาใช้สำหรับนอนดูดาว ท่ามกลางลมหนาว เรียกว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความโรมนติค

นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สดร. กล่าวว่า สดร. ร่วมกับ เทศบาลตำบลออนใต้ ใช้พื้นที่บริเวณรอบอ่างเก็บน้ำห้วยลานที่ค่อนข้างมืด ปราศจากแสงไฟรบกวน เหมาะแก่การสังเกตการณ์ฝนดาวตกเป็นอย่างยิ่ง ภายในงานมีกิจกรรมดาราศาสตร์ที่น่าสนใจ ได้แก่ บรรยายการดูดาวเบื้องต้น แนะนำวัตถุท้องฟ้าและกลุ่มดาวฤดูหนาว แนะเทคนิคการถ่ายภาพฝนดาวตก ชมวัตถุท้องฟ้าผ่านกล้องโทรทรรศน์ และนอนนับฝนดาวตก เป็นต้น โดยกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 17:00-23:00 น.
สำหรับผู้สนใจชมปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ในครั้งนี้ สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ไม่จำเป็นต้องมองผ่านกล้องโทรทรรศน์ ควรเลือกสถานที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟรบกวน แนะนำให้นอนชม เนื่องจากฝนดาวตกกระจายทั่วท้องฟ้า สำหรับฝนดาวตกเจมินิดส์มีจุดเด่นคือ ความเร็วของดาวตกไม่มากนัก ประกอบกับมีอัตราตกค่อนข้างมากจึงสังเกตได้ง่าย สามารถมองเห็นได้รอบทิศ ถือเป็นโอกาสดีในการติดตามชมฝนดาวตก

ปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ หรือฝนดาวตกกลุ่มดาวคนคู่ มักเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 4-20 ธันวาคมของทุกปี มีศูนย์กลางกระจายอยู่บริเวณกลุ่มดาวคนคู่ ปีนี้นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการตกสูงสุดในคืนวันที่ 14 ธันวาคม 2565 ประมาณ 150 ดวงต่อชั่วโมง คืนดังกล่าวกลุ่มดาวคนคู่จะปรากฏขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเวลาประมาณ 20:00 น. สามารถสังเกตได้จนถึงเวลาประมาณ 23:00 น. หลังช่วงเวลาดังกล่าวยังคงสามารถชมฝนดาวตกได้ แต่จะมีแสงจันทร์ข้างแรม 6 ค่ำรบกวน
ฝนดาวตกเจมินิดส์เกิดจากโลกเคลื่อนที่ตัดผ่านสายธารของเศษหินและเศษฝุ่นขนาดน้อยใหญ่ของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ที่หลงเหลือทิ้งไว้ขณะเคลื่อนผ่านเข้ามาในระบบสุริยะชั้นใน เมื่อโลกโคจรผ่านเส้นทางดังกล่าว แรงดึงดูดของโลกจะดึงฝุ่นและหินเข้ามาเผาไหม้ในชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นลำแสงวาบ หรือในบางครั้งเกิดเป็นลูกไฟขนาดใหญ่เรียกว่า Fireball




ร่วมแสดงความคิดเห็น