ฝากขังปลัดอำเภอเชียงดาว สวมบัตรให้คนจีน

ฝากขังศาลทุจริตฯ ปลัดอำเภอเชียงดาว พร้อมกำนันและผู้ใหญ่บ้าน พัวพันสวมบัตรประชาชนให้ชาวจีนสีเทาที่ชลบุรี เจ้าตัวยังให้การปฎิเสธพร้อมประกันตัวสู้คดี

ความคืบหน้ากรณี นายเพิ่มเกียรติ ปลัดอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.เชียงดาว หลังตำรวจออกหมายเรียกกรณีสวมบัตรให้กลุ่มจีนสีเทาที่จังหวัดชลบุรี ในราคา 8 แสนบาท เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร กระทำตามหน้าที่ รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้น หรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นเท็จ ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย, ปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จ, เรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงาน, ร่วมกับบุคคลที่มิได้มีสัญชาติไทย ยื่นคำขอมีบัตรด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดความจริงต่อพนักงาน

นอกจากนี้ ตำรวจยังเรียกนายอาเบ กำนัน , นายอมรเทพ ผู้ใหญ่บ้าน และ นายวาเซ พ่อของบุคคลที่ถูกสวมบัตรที่เป็นผู้รับรองให้ มารับทราบข้อกล่าวที่ สภ .เชียงดาว ด้วย

ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนายอมรเทพ ผู้ใหญ่บ้านที่ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งปฏิเสธอ้างว่ากำนันนำใบรับรองมาให้เซ็น โดยไม่รู้ว่าไม่ถูกต้อง ขณะที่ภรรยาของผู้ใหญ่บ้าน เชื่อว่าสามีไม่รู้เห็นกับการสวมบัตร เพราะรีบเซ็นแล้วเข้าเมืองเชียงใหม่

ล่าสุด พ.ต.อ.วินิจฉัย พินิจศักดิ์ ผกก.สภ.เชียงดาว เปิดเผยว่า ในการสอบสวนปากคำนายเพิ่มเกียรติ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งหลังสอบสวนเสร็จเมื่อเย็นวานนี้ ได้นำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 โดยมีญาติยื่นเรื่องประกันตัวในชั้นศาล

ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีกสามคน ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติม และได้นำตัวไปขออำนาจศาลฝากขังต่อศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ในเช้าวันที่ 14 ธันวาคม เนื่องจากเป็นความผิดฐานสมคบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งทางญาติได้เข้ายื่นเรื่องขอประกันตัวด้วยเช่นกัน ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐาน และข้อมูลทั้งหมดส่งไปยัง ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน เพื่อให้ ป.ป.ช.พิจารณาต่อไป

พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จ.ตราด หน.ชุด.ชป.ศพดส.ตร. เปิดเผยว่า เป็นการขยายผลจากพัทยา ชลบุรี หลัง น.ส.อลิศรา ภรรยาของ Mr.Ren Haibo ชาวจีนที่ถูกกลุ่มคนร้ายลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ และได้มีการทำร้ายร่างกายและตัดนิ้วก้อยมือข้างขวา มาแจ้งความกับตำรวจ ซึ่งพูดไทยไม่ชัด และสื่อสารภาษาไทยได้ไม่ดีนัก แต่กลับมีบัตรประจำตัวประชาชนไทย จึงพบข้อพิรุธว่าอาจจะเป็นการสวมบัตรประจำตัวประชาชน

ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงได้นำภาพถ่ายของ นายวาเซ และนางผุดี ซึ่งเป็นบิดา-มารดา ตามทะเบียนราษฎร์ของ น.ส.อลิศรา ดู แต่ น.ส.อลิศรา กลับแจ้งว่าไม่รู้จักบุคคลทั้งสองจนยอมรับสารภาพว่า บัตรที่ได้มาว่าจ้างให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวดำเนินการ โดยจ่ายเงินให้หัวละ 8 แสนบาท ตำรวจจึงได้ออกหมายเรียก และหมายจับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งหมด

นายสงัด บูรณภัทรโชติ นายอำเภอเชียงดาว เปิดเผยว่า ปลัดอำเภอคนดังกล่าว ย้ายมาอยู่เชียงดาวเป็นรอบที่ 2 ได้ราว 7 เดือน หลังทราบข้อมูลจากตำรวจ จึงได้ย้ายจากปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียน ไปอยู่งานด้านความมั่นคง และได้แจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อตั้งคณะกรรมสอบสวนทางวินัย

ร่วมแสดงความคิดเห็น