“จากบ้านฮ่องขุ่นสู่วัดร่องขุ่น” ตำนานแผ่นดินแห่งพุทธศิลป์ระดับโลก

วัดร่องขุ่น จังหวัดเชียงราย เป็นสถานที่ที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และงานพุทธศิลป์ที่งดงามจนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญระดับโลก เรื่องราวของวัดร่องขุ่นเริ่มต้นขึ้นในราวปี พ.ศ. 2430 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) เมื่อชาวบ้านเพียงไม่กี่ครัวเรือนเข้ามาจับจองพื้นที่บริเวณบ้านร่องขุ่น ซึ่งมีลำน้ำสายเล็ก ๆ ไหลผ่าน โดยเรียกกันในภาษาเหนือว่า “บ้านฮ่องขุ่น”

การกำเนิดของวัดร่องขุ่น

วัดร่องขุ่นก่อตั้งขึ้นครั้งแรกริมฝั่งแม่น้ำแม่ลาว เมื่อคณะศรัทธาในหมู่บ้านร่วมกันสร้างศาลาและกุฏิไม้เพื่อเป็นสำนักสงฆ์ ต่อมาได้มีการย้ายวัดมายังพื้นที่ปัจจุบันโดยอาศัยที่ดินที่นางบัวแก้ว ภรรยากำนันทาดี วรัตน์ บริจาคเพื่อสร้างวัดบนเนื้อที่ 4 ไร่เศษ

ในปี พ.ศ. 2499 พระไสว ชาคโร ได้เข้ามาเป็นเจ้าอาวาส และได้ริเริ่มการพัฒนาและสร้างสรรค์วัดจนมีความก้าวหน้า เช่น การสร้างพระอุโบสถหลังแรกในปี พ.ศ. 2507 และบูรณะสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

ก้าวสู่ความงดงามระดับโลก

วัดร่องขุ่นเผชิญกับความท้าทายในการสร้างอุโบสถใหม่ในปี พ.ศ. 2538 เนื่องจากวัดเดิมอยู่ในสภาพทรุดโทรม การก่อสร้างประสบปัญหาด้านงบประมาณในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก กระทั่งในปี พ.ศ. 2540 อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรผู้มีชื่อเสียงซึ่งเป็นชาวบ้านร่องขุ่นโดยกำเนิด ได้เข้ามาสานต่อการก่อสร้างด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัวเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา

อาจารย์เฉลิมชัยตั้งใจรังสรรค์งานศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ ด้วยลวดลายปูนปั้นประดับกระจกระยิบระยับและจิตรกรรมฝาผนังที่ผสานวัฒนธรรมล้านนาและพุทธธรรมอย่างลงตัว พระอุโบสถสีขาวเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้า พร้อมด้วยแนวคิดสร้างสวรรค์บนดินที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้

จุดเด่นและความงดงามของวัดร่องขุ่น

วัดร่องขุ่นมีความโดดเด่นจากพระอุโบสถสีขาวที่ประดับกระจกเงินแวววาว สถาปัตยกรรมที่งดงาม และจิตรกรรมฝาผนังที่ซ่อนปริศนาธรรมเกี่ยวกับวัฏสงสารของมนุษย์และการเดินทางสู่นิพพาน นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมอื่น ๆ ที่กำลังก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง เช่น หอพระธาตุ หอวิปัสสนา และหอศิลป์

วัดร่องขุ่นไม่เพียงเป็นสถานที่ทางศาสนา แต่ยังเป็นผลงานพุทธศิลป์ที่สะท้อนความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ของอาจารย์เฉลิมชัย จนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของชาวไทยและเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติในชื่อ “White Temple” หรือ “วัดขาว”

วัดร่องขุ่นยังคงพัฒนาและสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีเงื่อนไขด้านเวลา เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างแรงบันดาลใจ และเป็นมรดกที่ล้ำค่าสำหรับคนรุ่นหลังสืบไป

ที่มา : https://www.xn--l3c3aflq4bb0a.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99/

ภาพจาก : https://www.xn--22cj2bwa1cwa8b3a2euie.com/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%86-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99.html

ร่วมแสดงความคิดเห็น