เกษตรกรชาวสวนลำไยภาคเหนือ รวมตัวยื่นหนังสือขอ รมว.เกษตรฯ เร่งรัดเงินชดเชยราคาลำไยรอบปี 64/65 และผลักดัน พรบ.ลำไย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 10 ก.ย. 66 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการดำเนินงานการก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย โดยมีนายศรัณยู มีทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย นายสุรเดช สมิเปรม รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน คณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการ เข้าร่วม ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำลำนำแม่กื้ด เครือข่ายเกษตรกรชาวสวนลำไย 8 จังหวัดภาคเหนือ ชมรมสหกรณ์โคนมภาคเหนือ จำกัด และกลุ่มเกษตรกรที่มารอให้การต้อนรับอย่างหนาแน่น

วัตถุประสงค์หลักในการลงพื้นที่ของ รมว.เกษตรฯ ในครั้งนี้ ก็เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จ.เชียงราย ซึ่งผ่านความเห็นชอบจาก ครม. เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 66 ครม. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทานเป็นผู้ดำเนินโครงการ กรอบวงเงินงบประมาณ 1,325 ล้านบาท โดยมีแผนงานระยะเวลาโครงการ 3 ปี ระหว่างปี 2568 -2570 ตัวเขื่อนจะเป็นเขื่อนดินถมชนิดแบ่งส่วน (Zone Type) ความจุกักเก็บน้ำได้ 32 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยเขื่อนหัวงานและอ่างเก็บน้ำของโครงการตั้งอยู่บริเวณบ้านใหม่เจริญ ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ป่าทั้งหมดรวม 1,696 ไร่ 2 งาน 37 ตรว. หากดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ จะเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับใช้ในการอุปโภคบริโภคของราษฎร 4,775 ครัวเรือน เป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย และพื้นที่บางส่วนของ ต.ศรีถ้อย และ ต.แม่พริก อ.แม่สรวย สามารถส่งน้ําช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรฤดูฝน 17,200 ไร่ ส่งผลในเรื่องผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น 2,843 ครัวเรือน ประชากร 14,626 คน

ในการนี้ ได้มีจ่าสิบเอก นิกร บุญชัย ผู้ประสานงานเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนลำไย 8 จังหวัดภาคเหนือ และตัวแทนเกษตรกร จำนวนประมาณ 800 ราย เข้ายื่นหนังสือต่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขอให้ ครม. ช่วยเร่งรัดเงินเยียวยาชาวสวนลำไย ไร่ละ 2,000 บาท ซึ่งค้างคามาตั้งแต่สมัยรัฐบาลก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวสวนลำไย
จ.ส.อ.นิกร บุญชัย เผยว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 65 คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ หรือ ฟรุ๊ตบอร์ด (Fruit Board) ซึ่งมี รมว.เกษตรฯ เป็นประธาน ได้มีมติให้มีการเยียวยาเกษตรกรผู้ปลูกลำไยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ในอัตราไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 25 ไร่/ครัวเรือน กรอบวงเงิน 3,821.54 ล้านบาท และในวันที่ 6 ก.พ. 66 รมว.เกษตรฯ ได้มีการลงนามขออนุมัติโครงการ โดยใช้แหล่งเงินทุนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธกส. ) และให้จัดสรรงบประมาณืปี 67 และปีถัดไปคืน ไม่เกิน 3 ปี พร้อมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจริง แต่ต่อมาทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้สอบคามความเห็นไปยังกระทรวงการคลัง และได้รับการตอบรับว่า กระทรวงฯเกษตรและสหกรณ์ ได้ใช้เงินทุนไปกับโครงการต่างๆของกระทรวงจนเต็มจำนวนไปแล้ว จึงไม่สามารถนำเงินทุนจาก ธกส. มาใช้กับโครงการเยียวยาให้กับชาวสวนลำไยได้ จนกระทั่งมีพรก.ยุบสภา ในวันที่ 20 มี.ค. 66 เรื่องการเยียวยาชาวสวนลำไยจึงยังไม่คืบหน้าจนถึงทุกวันนี้

“ในการรวมตัวยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อ รมว.เกษตรฯ ในวันนี้ ก็เพื่อขอให้ทาง ครม.ได้เร่งรัดนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เพราะมีเกษตรกรที่เดือดร้อนและรอเงินช่วยเหลือจากภาครัฐอยู่กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งหลังจากได้รับเอกสารข้อเรียกร้องจากชาวสวนลำไยไปแล้ว รอ.ธรรมนัส ก็ได้รับปากว่าจะนำเรื่องปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. อย่างเร่งด่วน แต่ต้องรอดำเนินการภายหลังจากนายกรัฐมนตรีได้แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาในวันที่ 11-12 ก.ย. นี้ ให้เสร็จสิ้นก่อน” จ.ส.อ.นิกร กล่าว

และนอกจากนี้ เกษตรกรชาวสวนลำไย 8 จังหวัดภาคเหนือ ยังเรียกร้องให้ รมว.เกษตร เร่งรัดร่าง พรบ.ลำไย ผ่านรัฐสภา ซึ่ง พรบ.ลำไย มีสาระที่สำคัญเพื่อใช้เป็นกฎข้อบังคับที่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ผลิต ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ (ผู้ส่งออก, โรงงาน) ปกป้องผลประโยชน์ให้แก่เกษตรกรผู้ผลิตลำไย เป็นเครื่องมือบังคับใช้กำหนดขนาดของลำใยให้เหมาะสมกับราคา โดยกำหนดให้ขนาดของเครื่องคัดเกรดของลำไยต้องได้มาตรฐาน มีขนาดที่ชัดเจน เช่น ลำไย AA มีขนาดเท่ากับ 27 มิลลิเมตร A มีขนาด 25 มิลลิเมตร และราคาจะต้องได้รับการควบคุมไม่ให้แตกต่างกันจนเกินไป จัดให้มีกองทุนลำไยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย และจัดตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการควบคุมปริมาณการผลิตลำใยให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ของตลาด โดย พ.ร.บ.ลำไย จะคุ้มครองและให้ความเป็นธรรม ด้าน ราคา ปัจจัยการผลิต ตลอดถึงการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐแก่พี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไย ซึ่งมีพื้นที่การปลูกทั่วประเทศ 33 จังหวัด ประมาณ 1.3 ล้านไร่ เกษตรกรกว่า 2 แสนครอบครัว













ร่วมแสดงความคิดเห็น