ครอบครัวผู้เสียชีวิตกรณีเสาซิปไลน์ล้มที่ดอยช้าง วอนเจ้าของกิจการช่วยมาเหลียวแล เผยตั้งแต่เกิดเรื่องยังไม่เคยมาแสดงความรับผิดชอบ!
วันที่ 21 ก.พ. 68 จากกรณีเสาซิปไลน์ล้มที่ดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้หนุ่มช่างที่ไปทดสอบระบบสลิงเสียชีวิต และมีพรรคพวกได้รับบาดเจ็บอีก 3 ราย ล่าสุดในวันนี้ทางครอบครัวได้ประกอบพิธีฌาปณกิจศพผู้เสียชีวิต ณ สุสานบ้านปางไฮ ม.7 ต.เทพเสด็จ อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ โดยมีญาติพี่น้อง เพื่อนร่วมก๊วนมาร่วมไว้อาลัยกันเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถามครอบครัวของนายวัชระ อายุ 34 ปี ผู้เสียชีวิต ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย น.ส.อรทัย อายุ 36 ปี เล่าว่า สามีตนเป็นเสาหลักของครอบครัว ทำงานรับจ้างเลี้ยงดูพ่อแม่ ตน และลูก ๆ อีก 2 คน ลูกสาวคนโตอายุ 11 ปี และลูกชายคนเล็กอายุ 7 ขวบ ก่อนเสียชีวิตเขาบอกว่าจะไปทำงานแก้ไขระบบสลิงของซิปไลน์ที่ดอยช้าง จ.เชียงราย เพราะก่อนหน้านี้สลิงมีปัญหา เนื่องจากคนนำทางสามารถจะโหนจากเสาตนหนึ่งไปที่เสาอีกต้นหนึ่งได้ แต่ลูกค้าจะโหนไปไม่ถึง สามีเขาจึงพาทีมงานของเขาไปเพื่อซ่อมแซม และระหว่างทดสอบโหนสลิงก็เกิดเหตุสลดดังกล่าว จากทราบเรื่องทาวครอบครัวก็ตกใจ เสียใจกันมาก เพราะทุกวันนี้เขาเป็นคนไปทำงานหาเงินมาดูแลคนในบ้าน ทุกวันนี้บางครั้งลูก ๆ ก็ยังร้องไห้ถามหาพ่ออยู่ โดยเฉพาะคนเล็ก เวลาคิดถึงพ่อเขาก็จะมาถามตนว่าพ่อไปไหน อย่างวันนี้ซึ่งเป็นวันเผาศพของสามี ลูกสาวคนโตก็มาบอกกับตนว่าได้ทำพิธีเผาศพพ่อไปแล้ว พ่อไม่ได้อยู่กับเราแล้ว แต่ตนก็ปลอบลูกไปว่า พ่อไม่ได้ไปไหน พ่ออยู่กับเราตลอดเวลานั่นแหละ เพียงแค่เรามองไม่เห็นพ่อก็เท่านั้น
ภรรยาคนตาย เผยอีกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ เจ้าของกิจการไม่ได้มาแสดงความรับผิดชอบใด ๆ เลย เราก็ไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรมากมาย แค่ค่าใช้จ่ายในงานศพและค่าเลี้ยงดูอีกเล็กน้อยก็พอแล้ว แต่เขาไม่ได้เข้ามาพูดคุยในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด มีแค่เข้ามาหาและแนะนำกับคนที่มาด้วยกันว่าคนนั้นคนนี้เป็นญาติคนตาย และบอกแค่ว่าขอแสดงความเสียใจด้วยก็เท่านั้น ไม่ได้มาดูแลอะไรครอบครัวของผู้เสียชีวิตเลย
ล่าสุด ทางกิจการซิปไลน์ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างถูกสั่งปิดบริการชั่วคราว ไม่มีคนมาเฝ้าร้านเพื่อแสดงตัวเป็นเจ้าของหรือคนดูแลแต่อย่างใด แต่ได้มีการรื้อถอนเสาซิปไลน์ต้นที่ล้มจนเป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ หลังวันเกิดเหตุไม่นาน แต่จากโครงสร้างที่เหลือ พบว่าทั้งท่อปูนที่ยึดเสาซิปไลน์ เสา และน็อตที่ยึดลวดสลิงมีขนาดเล็ก ท่าทางไม่มั่นคงพอจะรับน้ำหนักหากมีนักท่องเที่ยวใช้บริการจำนวนมาก และเป็นที่น่าสังเกตุว่าเจ้าของกิจการไม่เคยมาแสดงตัวหลังเกิดเรื่อง และพยายามจะปกปิดข่าวไม่ให้นักข่าวรู้ แต่ข่าวก็หลุดมาจากฝ่ายปกครองจนเป็นกระแสโด่งดังในที่สุด
ร่วมแสดงความคิดเห็น