ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำท่วม 29 จังหวัด เร่งช่วยเหลือ

ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำท่วม 29 จังหวัด ระดมการช่วยเหลือผู้ประสบภัย-คลี่คลายสถานการณ์ภัย

ปภ.รายงานสถานการณ์น้ำท่วม 29 จังหวัด ระดมการช่วยเหลือผู้ประสบภัย-คลี่คลายสถานการณ์ภัย
วันที่ 13 ต.ค.65 เวลา 09.20 น. ปภ.รายงานผลกระทบจากฝนตกหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง รวม 29 จังหวัด 153 อำเภอ 889 ตำบล 5,705 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 319,338 ครัวเรือน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางบางจังหวัดมีแนวโน้ม
ระดับน้ำเพิ่มขึ้น ประสานจังหวัดดูแลผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและระดมกำลังเร่งระบายน้ำอย่างเต็มกำลัง
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานผลกระทบจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย รวมถึงพายุโนรู ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรงบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีการระบายน้ำจากเขื่อนลงแม่น้ำสายหลัก และลำน้ำสาขา ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง โดยช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 8 ต.ค. 65 เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่รวม 56 จังหวัด 276 อำเภอ 1,342 ตำบล 8,166 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 377,853 ครัวเรือน

ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ รวม 27 จังหวัด ได้แก่ ตาก เพชรบูรณ์ พิจิตร นครสวรรค์ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ลพบุรี นครปฐม นครนายก ปราจีนบุรี เพชรบุรี และราชบุรี รวม 143 อำเภอ 862 ตำบล 5,600 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 316,773 ครัวเรือน ดังนี้|

  1. ตาก น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามเงา อำเภอบ้านตาก และอำเภอเมืองตาก รวม 5 ตำบล 35 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 461 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
  2. เพชรบูรณ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอศรีเทพ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ อำเภอวิเชียรบุรี อำเภอบึงสามพัน และอำเภอหนองไผ่ รวม 61 ตำบล 522 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 11,279 ครัวเรือน เสียชีวิต 1 ราย ระดับน้ำลดลง
  3. พิจิตร น้ำท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสามง่าม อำเภอวชิรบารมี อำเภอทับคล้อ อำเภอบึงนาราง อำเภอบางมูลนาก อำเภอเมืองพิจิตร อำเภอตะพานหิน อำเภอโพทะเล และอำเภอโพธิ์ประทับช้าง รวม 56 ตำบล 330 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,416 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
  1. นครสวรรค์ น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ และอำเภอตาคลี รวม 18 ตำบล 140 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,695 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
  2. ชัยภูมิ น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยภูมิ อำเภอบ้านเขว้า อำเภอคอนสวรรค์ และอำเภอจัตุรัส รวม 10 ตำบล 24 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 648 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
  3. ขอนแก่น น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอชนบท อำเภอน้ำพอง อำเภอโคกโพธิ์ชัย อำเภอบ้านไผ่ และอำเภอแวงใหญ่ รวม 13 ตำบล 48 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 120 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  1. มหาสารคาม น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองมหาสารคาม อำเภอกันทรวิชัย อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอเชียงยืน รวม 43 ตำบล 501 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,279 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  2. กาฬสินธุ์ น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสหัสขันธ์ อำเภอหนองกุงศรี อำเภอท่าคันโท อำเภอยางตลาด และอำเภอฆ้องชัย รวม 8 ตำบล 11 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 60 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
  3. ร้อยเอ็ด น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอโพนทราย และอำเภอจังหาร รวม 6 ตำบล 38 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,369 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  4. ยโสธร น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอค้อวัง อำเภอคำเขื่อนแก้ว และอำเภอเมืองยโสธร รวม 3 ตำบล
    5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  5. นครราชสีมา น้ำท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอสูงเนิน และอำเภอชุมพวง รวม 11 ตำบล 28 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,195 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
  6. บุรีรัมย์ น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพุทไธสง อำเภอสตึก อำเภอนางรอง อำเภอปะคำ อำเภอกระสัง อำเภอคูเมือง อำเภอลำปลายมาศ อำเภอแคนดง รวม 55 ตำบล 344 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,255 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
  7. สุรินทร์ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชุมพลบุรี อำเภอท่าตูม อำเภอรัตนบุรี อำเภอสำโรงทาบ อำเภอเมืองสุรินทร์ และอำเภอจอมพระ รวม 32 ตำบล 240 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 22,179 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  8. ศรีสะเกษ น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองศรีสะเกษ อำเภอราษีไศล อำเภอกันทรารมย์ อำเภอบึงบูรพ์อำเภอยางชุมน้อย และอำภอศิลาลาด รวม 33 ตำบล 240 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 13,284 ครัวเรือน อพยพประชาชน 830 ครัวเรือน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 34 จุด ผู้เสียชีวิต 3 ราย ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  1. อุบลราชธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอสว่างวีระวงศ์ อำเภอเดชอุดม อำเภอดอนมดแดง อำเภอสำโรง อำเภอพิบูลมังสาหาร อำเภอเขื่องใน และอำเภอตระการพืชผล รวม 28 ตำบล 135 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,076 ครัวเรือน อพยพประชาชน 205 ชุมชน ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 85 จุด ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  2. หนองบัวลำภู น้ำท่วมในพื้นที่อำเภอโนนสัง รวม 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
  3. อุทัยธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุทัยธานี อำเภอสว่างอารมณ์ อำเภอทัพทัน อำเภอห้วยคต อำเภอบ้านไร่ อำเภอหนองขาหย่าง อำเภอลานสัก และอำเภอหนองฉาง รวม 58 ตำบล 475 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10,044 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
  4. ชัยนาท น้ำท่วมในพื้นที่ 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชัยนาท อำเภอวัดสิงห์ อำเภอมโนรมย์ อำเภอสรรพยา อำเภอหนองมะโมง อำเภอหันคา อำเภอเนินมะขาม และอำเภอสรรคบุรี รวม 35 ตำบล 207 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 8,860 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  5. สิงห์บุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี อำเภอพรหมบุรี และอำเภอท่าช้าง รวม 12 ตำบล 58 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,033 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  6. อ่างทอง น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวิเศษชัยชาญ อำเภอป่าโมก อำเภอไชโย อำเภอเมืองอ่างทอง และอำเภอโพธิ์ทอง รวม 38 ตำบล 166 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,896 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  7. พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมในพื้นที่ 11 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางปะหัน อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอมหาราช
    และอำเภออุทัย รวม 150 ตำบล 951 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 64,812 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
  8. ปทุมธานี น้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก รวม 21 ตำบล 64 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,926 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น

23.นนทบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางกรวย และอำเภอบางบัวทอง รวม 35 ตำบล 268 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 110,562 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

  1. ลพบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองลพบุรี อำเภอชัยบาดาล อำเภอบ้านหมี่ อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าหลวง และอำเภอโคกสำโรง รวม 29 ตำบล 104 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 5,222 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว
  2. นครปฐม น้ำท่วมในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนครชัยศรี อำเภอบางเลน อำเภอสามพราน อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอกำแพงแสน อำเภอดอนตูม อำเภอพุทธมณฑล รวม 37 ตำบล 224 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,976 หมู่บ้าน ระดับน้ำลดลง
  3. นครนายก น้ำท่วมในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองนครนายก อำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา และอำเภอองครักษ์ รวม 21 ตำบล 160 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,885 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง
  4. ปราจีนบุรี น้ำท่วมในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอเมืองปราจีนบุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอศรีมหาโพธิ์ อำเภอบ้านสร้าง และอำเภอศรีมโหสถ รวม 42 ตำบล 274 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,965 ครัวเรือน ระดับน้ำเพิ่มขึ้น
    นอกจากนี้ ผลกระทบจากบริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในวันที่ 9 ต.ค. 65 ทำให้มีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่งผลให้เกิดอุทกภัย9 จังหวัด ได้แก่ ลำปาง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง สระแก้ว ราชบุรี เพชรบุรี กาญจนบุรี และตรัง รวม 21 อำเภอ 55 ตำบล 155 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,752 ครัวเรือน

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 2 จังหวัด รวม 10 อำเภอ 27 ตำบล 105 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,565 ครัวเรือน ดังนี้

  1. ฉะเชิงเทรา เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอพนมสารคาม อำเภอบ้านโพธิ์ และอำเภอบางน้ำเปรี้ยว รวม 11 ตำบล 68 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 2,555 ครัวเรือน ระดับน้ำทรงตัว

29.กาญจนบุรี เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกาญจนบุรี อำเภอบ่อพลอย อำเภอท่าม่วง อำเภอพนมทวน อำเภอท่ามะกา อำเภอไทรโยค และอำเภอมะขามเตี้ย รวม 16 ตำบล 37 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 10 ครัวเรือน ระดับน้ำลดลง

สำหรับการให้ความช่วยเหลือกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ประสบภัยได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งระบายน้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับ แจ้งเหตุ 1784”

ร่วมแสดงความคิดเห็น